Tuesday, November 3, 2020

เหมียวเที่ยวทะเลครั้งแรก ดูหน้าน้องไม่ปลื้มแรงมาก มนุษย์...พาข้ากลับบัดเดี๋ยวนี้ !

 

เปิดภาพชวนขำกลิ้ง เมื่อ แมวเหมียว ไปเที่ยวทะเลครั้งแรก ปรากฏว่าไม่ปลื้มแรงมาก กลายเป็นภาพสุดฮา จนไวรัลไปทั่วโซเชียล หน้าน้องไม่แฮปปี้ มนุษย์ พาเรากลับบ้านเดี๋ยวนี้ !

แมว เป็นสัตว์เลี้ยงที่เอาใจยาก บทจะขี้เกียจ ก็ขี้เกียจมากจริง ๆ ขอนอนทั้งวันไม่อยากสุงสิงกับใคร บทจะขี้อ้อนขอให้เล่นด้วยขึ้นมา ก็อ้อนไม่มีหยุด แต่ถ้าเข้าสู่โหมดไม่สนใจแล้วละก็ เรียกให้ตายก็ไม่สน เอาเป็นว่าการเอาใจท่านแมวนั้น ช่างเป็นงานยากของเหล่ามนุษย์ผู้เป็นทาสซะเหลือเกิน


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เชื่อว่าสิ่งที่แมวทุกตัวมีก็คือ ความอยากรู้อยากเห็น และการชื่นชอบการผจญภัย ซึ่งเป็นสัญชาตญาณของเหล่าเหมียว ๆ เช่นเดียวกับ เจ้าพัมพ์กิ้น (Pumpkin) หรือ เจ้าฟักทอง แมวส้มตัวนี้

เขาเองก็ชอบเที่ยวไม่น้อย และหลังจากคลายล็อกดาวน์แล้ว มนุษย์ก็เลยตัดสินใจพา พัมพ์กิ้น ไปเที่ยวทะเลเสียเลย !! แต่ดูเหมือนว่า การไปเป็นเที่ยวทะเลครั้งแรกในชีวิตนั้น มันช่างเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกับที่มนุษย์คิดไว้....

 เรื่องราวน่ารัก ๆ ของแมวส้มฟักทองตัวนี้ ถูกหยิบยกมารายงานโดยเว็บบอร์แพนด้า เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 โดย เจ้าของของ พัมพ์กิ้น ได้พามันและ มัสตาชิโอ แมวดำคู่หูที่เป็นพี่น้องกัน ไปเที่ยวชายหาด เพื่อให้ผจญภัยกันได้เต็มที่ ทางฝั่งของมัสตาชิโอก็ดูไม่ซีเรียสอะไร พัมพ์กิ้นก็ดูเอ็นจอยกับทริปนี้ (เหรอ?)

เจ้าของพบว่า พัมพ์กิ้นชื่นชอบหาดทรายมาก และสนุกตื่นเต้นกับการวิ่งไปวิ่งมา แต่พอถึงเวลาอุ้มขึ้นมาถ่ายรูปเท่านั้นแหละ ความจริงก็ปรากฏ โดยพัมพ์กิ้นชอบทราย แต่เกลียดลมเอามาก ๆ และยิ่งทะเลที่มีลมแรงมากด้วยแล้ว ท่านฟักทองไม่ปลื้ม


         ภาพถ่ายสุดเด็ด เผยให้เห็น แมวพัมพ์กิ้น แสดงสีหน้ายี้ เบ้หน้ายู่ยี่ ราวกับว่าโกรธแค้นทาสสุด ๆ ที่กล้าพาข้ามาสถานที่เช่นนี้ ซึ่งสาเหตุที่หน้ายู่ก็เพราะโดนลมนั่นเอง ดังนั้นปล่อยฉันลง ฉันจะกลับบ้านนนนนน

ภาพหน้าตลก ๆ แบบโหดปนฮาของ พัมพ์กิ้น ได้กลายเป็นภาพไวรัลบนสังคมออนไลน์ และสร้างเสียงหัวเราะกับรอยยิ้มแก่เหล่าคนรักแมวที่เข้ามาพบเห็น เรียกได้ว่าแห่เข้ามากดไลก์และคอมเมนต์กันเพียบเลยทีเดียว


สรุปแล้ว ประสบการณ์ไปเที่ยวทะเลครั้งแรกของ พัมพ์กิ้นนั้น จะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จก็คงไม่ใช่ แต่จะพังล้มเหลวก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าก็พอถูไถไปได้

แต่ในใจพัมพ์กิ้นอาจจะเข็ดกับทะเลไปแล้ว เพราะแม้ว่าทรายจะสวย หรือสนุกมากแค่ไหน แต่ลมหยั่งกะพายุแบบนี้ ไม่เอาแล้ว !!



ขอบคุณข้อมูลจาก Boredpanda

https://pet.kapook.com/view233174.html

Sunday, November 1, 2020

ตูบใหญ่ขี้กลัว หลังเจอเรื่องร้าย พบความสดใส เมื่อได้ตูบน้อยบำบัด กลายเป็นคู่ซี้ต่างไซซ์

ภาพจาก อินสตาแกรม arnoldandfrank

 มิตรภาพชวนยิ้ม คู่หูตูบต่างไซซ์ ตูบใหญ่ขี้กลัวและวิตกกังวล ได้ตูบน้อยมาทำหน้าที่บำบัด เยียวยาจิตใจ จนตอนนี้กลับมาเล่นได้อย่างสดใส กลายเป็นความผูกพันที่แยกไม่ขาด

หากพูดถึงสุนัขสายพันธุ์ไวมาราเนอร์ เราก็คงจะนึกถึงภาพของสุนัขล่าสัตว์ตัวใหญ่ที่มีความน่าเกรงขาม เต็มไปด้วยพลังงานล้นเหลือ แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าอาร์โนลด์ ตูบไวมาราเนอร์ อายุ 2 ปี ตัวนี้ กลับต่างออกไป เพราะประสบการณ์ที่เลวร้ายขณะเป็นลูกสุนัข ทำให้มันกลายมาเป็นสุนัขขี้ตกใจและแสนหวาดกลัว ความเครียดที่มันเผชิญทำให้ยากที่มันจะกล้าออกไปเล่นอย่างร่าเริง

ภาพจาก อินสตาแกรม arnoldandfrank


แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยความช่วยเหลือของ แฟรงก์ เจ้าตูบดัชชุนตัวน้อย วัย 1 ปี ที่เข้ามาทำหน้าที่บำบัดจิตใจแก่อาร์โนลด์ ก็ทำให้ตูบใหญ่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างร่าเริงอีกครั้ง และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความผูกพันระหว่างเพื่อนซี้ต่างไซซ์ที่ไม่อาจแยกจากกันได้

ภาพจาก อินสตาแกรม arnoldandfrank

เรื่องราวของ อาร์โนลด์ และ แฟรงก์ คู่ตูบเพื่อนซี้จากเมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย ถูกนำเสนอผ่านรายงานของนิวยอร์กโพสต์ เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2563 โดย แคโรลีน มานาลิส เจ้าของตูบทั้ง 2 ตัว เผยว่า แท้จริงแล้วตอนที่อาร์โนลด์ยังเป็นเพียงลูกสุนัข มันเคยเจอเรื่องเลวร้าย ถูกสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด ที่ตัวใหญ่กว่ามาก ขย้ำจนเลือดอาบได้รับบาดเจ็บ

ภาพจาก อินสตาแกรม arnoldandfrank

เรื่องในตอนนั้นไม่เพียงทำให้เกิดบาดแผลภายนอก แต่ยังทิ้งแผลใจไว้ให้มันด้วย เดิมทีอาร์โนลด์ก็ต้องเผชิญกับความวิตกกังวลต่อการแยกจากอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเรื่องแบบนี้ก็ทำให้มันยิ่งขี้ตกใจและหวาดกลัวมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเจอสุนัขตัวใหญ่ หรือสุนัขที่กำลังเห่า

ภาพจาก อินสตาแกรม arnoldandfrank

แต่หลังจากนั้น มานาลิส ก็ได้รับเอา แฟรงก์ ลูกสุนัขอีกตัว มาเลี้ยง และในเวลาเพียงไม่นาน เจ้าตูบดัชชุนที่แสนเป็นมิตรตัวนี้ ก็ได้กลายมาเป็นสุนัขช่วยเหลือด้านอารมณ์แก่อาร์โนลด์  


ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สุนัข รวมถึงสัตว์อื่น ๆ อย่างแมว ม้าขนาดเล็ก จะทำหน้าที่เป็นสัตว์ที่ช่วยเหลือด้านอารมณ์แก่มนุษย์ แต่ในครั้งนี้ผู้ที่ได้รับการเยียวยาจิตใจจากเจ้าแฟรงก์ กลับเป็นสุนัขที่ตัวใหญ่กว่ามันมาก  

"ความผูกพันของพวกมันทั้ง 2 ตัวงดงามมากค่ะ พวกมันเชื่อมโยงถึงกัน รักกัน และคอยสนับสนุนกัน ถ้ามีตัวหนึ่งร้อง อีกตัวก็จะรีบเข้ามาหาภายในครึ่งวินาที เพื่อดูว่าเพื่อนโอเคไหม ความรักนี้ไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ไม่ว่าจะเรื่องสายพันธุ์ หรือแม้แต่ขนาดตัว" มานาลิส กล่าว

แม้อายุจะห่างกัน 1 ปี และมีน้ำหนักต่างกันเกือบ 30 กิโลกรัม แต่เจ้าแฟรงก์ที่ตัวเล็กกว่ามาก กลับเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและสดใส ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยอาร์โนลด์ในการพิชิตความวิตกกังวลที่มี

ภาพจาก อินสตาแกรม arnoldandfrank

 "แฟรงก์ช่วยกู้คืนความมั่นใจให้อาร์โนลด์ จนมันสามารถเล่นด้วยกันได้ โดยที่อาร์โนลด์ได้เรียนรู้ว่าสิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่ามันกำลังจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกทำร้าย" มานาลิส เผย


 อย่างไรก็ตาม อาร์โนลด์ก็ไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่ได้รับประโยชน์จากมิตรภาพนี้ มานาลิส ชี้ว่า เดิมทีแฟรงก์ไม่ได้รับการฝึกอะไรมามากนัก แต่มันกลับได้เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากอาร์โนลด์ ตั้งแต่มารยาทตอนอยู่ในบ้าน การเห่าใส่ผู้บุกรุก การไล่ตามบอล การยืน การรอนิ่ง ๆ ตอนที่ถูกสวมปลอกคอกับสายจูง รวมถึงการรอก่อนจะข้ามถนน

ภาพจาก อินสตาแกรม arnoldandfrank

นอกจากนี้ แฟรงก์ยังมักจะเลียนแบบพฤติกรรมของอาร์โนลด์ทุกอย่าง จนถึงจุดที่ถ้าอาร์โนลด์เห่าหรือส่งเสียงอะไร เจ้าแฟรงก์ก็จะทำตามทันที จนแทบจะเหมือนกับนกแก้วจอมเลียนแบบ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแก่เจ้านายของพวกมันเป็นอย่างมาก

ภาพจาก อินสตาแกรม arnoldandfrank

           ทั้งนี้ มานาลิสยังได้อัปเดตเรื่องราวมิตรภาพแสนอุ่นใจของคู่หูต่างไซซ์นี้ให้ชาวเน็ตได้ติดตามผ่านอินสตาแกรมกันด้วย ซึ่งต้องบอกเลยว่าน่ารักมาก ๆ และเรียกรอยยิ้มได้อย่างแน่นอน

ภาพจาก อินสตาแกรม arnoldandfrank


ขอบคุณข้อมูลจาก นิวยอร์กโพสต์

https://pet.kapook.com/view231840.html


Tuesday, August 18, 2020

หนุ่มระทึกกลางทาง รถพุ่งใส่เสาไฟจัง ๆ จนหน้ายุบ ใครจะคิดว่าเพราะแมงมุมเป็นเหตุ

ภาพจาก Isle of Wight Police

        หนุ่มขนลุกซู่ เจอแมงมุมโผล่ในรถ ง่วนอยู่กับการไล่จนสุดท้ายรถชนโครม พุ่งใส่เสาไฟอย่างจังจนหน้ายุบ

        อุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ และหลายครั้งก็มีสาเหตุมาจากเรื่องไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ขณะที่เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้รถรายหนึ่งในเกาะไวท์ (Isle of Wight) ของอังกฤษ ก็เพิ่งจะเผชิญกับเหตุระทึก รถพุ่งชนเสาไฟเข้าอย่างจังจนฝากระโปรงหน้ายุบ ซึ่งทั้งหมดนี้มีสาเหตุมาจากแมงมุมตัวเดียวเท่านั้น 

         โดยเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2563 เว็บไซต์ Lad Bible รายงานว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ใช้รถรายนี้เดินทางอยู่บนถนนในเขตไคต์ฮิลล์ ทางตอนเหนือของเกาะ ระหว่างที่เขากำลังขับรถอยู่นั้น จู่ ๆ ก็พบว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญอยู่ภายในรถ เป็นเจ้าแมงมุมชวนขนลุก



ภาพจาก Isle of Wight Police

         เมื่อเจอกับเพื่อนร่วมทางที่ไม่พึงประสงค์ ผู้ใช้รถดังกล่าวจึงพยายามจะไล่แมงมุมนี้ออกไป แต่การทำเช่นนั้นทำให้เขาต้องละสายตาไปจากถนนเบื้องหน้า และสุดท้ายผลก็เป็นดังเช่นภาพที่ทางตำรวจนำมาเผยแพร่ รถของเขาพุ่งชนเข้ากับเสาไฟอย่างจัง

         อย่างไรก็ดี พบว่าคนขับรถรอดชีวิตจากอุบัติเหตุมาได้โดยได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็ไม่ทราบชะตากรรมของเจ้าแมงมุมตัวต้นเหตุ ว่าสุดท้ายแล้วจะลงเอยอย่างไร


ขอบคุณข้อมูลจาก Lad Bible

https://hilight.kapook.com/view/205456

Tuesday, August 4, 2020

ตูบจรเนียนมาหลบฝนที่โชว์รูมรถ แถมไม่ไปไหน ชนะใจจนถูกรับเข้าทำงาน - มีป้ายชื่อสุดเก๋

ภาพจาก Instagram tucson_prime

        ตามไปดู เจ้าตูบจรจัดชีวิตเปลี่ยน หลังมาป้วนเปี้ยนหลบฝนที่โชว์รูมฮุนได หลายวันผ่านไปชนะใจทุกคน ถูกรับเข้าทำงาน ห้อยป้ายพนักงานสุดเก๋ ผู้จัดการชมเปาะ นิสัยน่ารักแถมเรียกลูกค้าดีเยี่ยม


        วันที่ 3 สิงหาคม 2563 เว็บไซต์ explica.co  มีรายงานเรื่องราวสุดน่ารัก ของหนึ่งในดาวเด่นประจำโชว์รูมรถฮุนได ในประเทศบราซิล ที่กลายมาเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียลมีเดีย หลังจากที่ดาวเด่นรายนี้ได้กลายมาเป็นบุคลากรที่แสนสำคัญ ในการช่วยดึงดูดใจลูกค้า เรียกความเอ็นดู และยังสร้างเสริมบรรยากาศภายในโชว์รูมได้เป็นอย่างดี
ภาพจาก Instagram tucson_prime

       โดยดาวเด่นที่ว่านี้ ก็คือพนักงาน 4 ขา ซึ่งทางผู้จัดการโชว์รูมตั้งชื่อให้ว่า ทุคซอน ไพร์ม อดีตตูบจรจัดที่เข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ที่โชว์รูมรถดังกล่าว กระทั่งชนะใจพนักงานทั้งโชว์รูม จนถูกรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีม ซึ่งพวกเขาไม่เพียงแต่จะคอยดูแลหาน้ำและอาหารให้มัน แต่ยังทำป้ายชื่อพนักงานมาห้อยคอให้มันอีกด้วย

        ขณะที่ folhavitoria.com.br เผยรายงานคำสัมภาษณ์จาก เอเมอร์สัน มาเรียโน ผู้จัดการโชว์รูมฮุนได สาขาดังกล่าว โดยเขาเล่าว่าเจ้าตูบตัวนี้โผล่มาที่ลานจอดรถของโชว์รูม เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน ในช่วงเวลาที่โชว์รูมใกล้จะปิดทำการ พวกเขาเห็นว่าเจ้าตูบผอมแห้งมาก และข้างนอกก็ฝนตก จึงหาอาหารมาให้มัน และปล่อยให้มันค้างคืนอยู่ที่นั่น
ภาพจาก Instagram emersonribeiromariano

       อย่างไรก็ตาม ในเช้าวันต่อมามันก็ยังคงอยู่ที่นั่น จนเวลาผ่านไปหลายวันมันก็เริ่มชนะใจพนักงานทุก ๆ คน พวกเขาจึงพามันไปคลินิกสัตว์เพื่อฉีดวัคซีนและตรวจร่างกาย จากนั้นก็รับมันมาดูแล มอบบ้านที่อบอุ่นแก่มัน
       เอเมอร์สัน เผยต่อว่า นับตั้งแต่รับ ทุคซอน ไพร์ม มาเลี้ยง มันก็ไม่ได้กินนอนอยู่เปล่า ๆ แต่ยังช่วยพวกเขาเอาชนะใจลูกค้า เรียกว่าทำหน้าที่ดีเยี่ยมจนถูกยกให้เป็นพนักงานดีเด่นประจำเดือนได้เลย  
มันว่านอนสอนง่าย และช่างใส่ใจมาก เมื่อลูกค้ามาถึงร้าน มันจะไปต้อนรับที่ประตู ลูกค้าบางคนซื้อรถจากเราก็เพราะมัน ลูกค้าบางคนที่ซื้อรถไปแล้วยังกลับมาที่นี่ และเอาสัตว์เลี้ยงมาเล่นกับมันด้วย เอเมอร์สัน กล่าว
        นอกจากช่วยดึงดูดลูกค้า เจ้าตูบยังทำให้พนักงานมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะทุก ๆ คนต่างก็อยากเล่นกันมัน อยากพามันไปเดินเล่น อยากหาของขวัญมาให้ ทำให้บรรยากาศการทำงานดีขึ้น ดังนั้นไม่เพียงแต่เจ้าตูบจะเป็นดาวเด่นของโชว์รูมแห่งนี้ มันยังเป็นขวัญใจของพนักงานทุกคนอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก explica.co , folhavitoria.com.br



Thursday, July 23, 2020

ฮือฮา ซากวาฬยักษ์ขนาดมหึมา 29 เมตร เกยตื้นริมหาด พบเป็นวาฬชรา อายุ 80 ปี


สุดฮือฮา ซากวาฬสีน้ำเงิน ขนาดมหึมา ยาว 29 เมตร ซัดเกยตื้นริมทะเล ในอินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่เผย เป็นวาฬแก่ อายุ 70 - 80 ปี

 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 เว็บไซต์นิวสเตรทส์ไทม์ส รายงานข้อมูลอ้างอิงจากสำนักข่าวเอเอฟพี ระบุว่า ชาวบ้านอินโดนีเซียต่างแตกตื่นตกใจ หลังพบเห็น ซากวาฬขนาดมหึมา ถูกน้ำทะเลซัดขึ้นมาเกยตื้นริมฝั่ง โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุที้แน่ชัดว่ามันตายเพราะอะไร แต่คาดว่าน่าจะตายมาระยะหนึ่งแล้ว ไม่ได้เพิ่งมาขาดใจตายบนหาด

จุดที่พบซากวาฬดังกล่าว คือชายหาดนุนฮิลา ริมชายฝั่งทะเลนอกเมืองกูปัง เมืองใหญ่ที่สุดบนเกาะติมอร์ จังหวัดนูซาเติงการาตะวันตก ทางตอนกลางของอินโดนีเซีย

ภาพจาก DAVID WILSON / AFP

           ชาวบ้านในพื้นที่สังเกตเห็นมันโผล่มาอยู่ริมทะเลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม หลังจากนั้นข่าวก็แพร่กระจายกันไปปากต่อปาก ผู้คนพากันแห่มาดูเป็นจำนวนมาก

ลิเดีย เตซา เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอนุรักษ์ในพื้นที่ เปิดเผยว่า จากการสันนิษฐานเบื้องต้น พบว่าวาฬดังกล่าวคือ วาฬสีน้ำเงิน (blue whale) สัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสามารถเติบโตจนมีความยาวได้ถึง 32 เมตร

           ทางด้าน กระทรวงการสิ่งแวดล้อมและป่าไม้อินโดนีเซีย รายงานว่า หลังจากได้รับแจ้งว่าพบซากวาฬสีน้ำเงินเกยตื้น ทางหน่วยงานได้ประสานงานกับ อุทยานแห่งชาติและการท่องเที่ยวอ่าวกูปัง พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ส่งทีมเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบอย่างใกล้ชิด


เจ้าหน้าที่ได้กันประชาชนออกไปจากซากวาฬ และเคลียร์พื้นที่ เนื่องจากมีคนมารวมกันค่อนข้างแออัด เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และอาจขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งอาจเข้ามาทำให้ซากวาฬเสียหายได้

           ทีมเจ้าหน้าที่พบว่า ซากวาฬสีน้ำเงินตัวนี้เป็นเพศเมีย ความยาว 29 เมตร ลำตัวกว้าง 17 เมตร อายุประมาณ 70 - 80 ปี สภาพซากอยู่ในระยะเน่าเปื่อย ส่งกลิ่นเหม็นโชยตลบอบอวล แสดงให้เห็นว่าตายมานานระยะหนึ่งแล้ว


           เจ้าหน้าที่ลงความเห็นว่ามันตายด้วยสาเหตุธรรมชาติ นั่นก็คือ แก่ตายไปเอง ไม่ได้ถูกสัตว์อื่นฆ่า หรือถูกมนุษย์ล่าแต่อย่างใด โดยหลังจากตรวจสอบและเก็บข้อมูลเสร็จสิ้น ก็ได้ทำการฝังกลบซากวาฬตัวนี้เรียบร้อยแล้ว


ขอบคุณข้อมูลจาก New Straits TimesMinistry of Environment and Forestry

Friday, July 17, 2020

เปิดภาพ แมลงสาบทะเลยักษ์ สายพันธุ์ใหม่ สิ่งมีชีวิตที่ถูกพบ จากภารกิจสำรวจใต้ทะเลลึก


         นักวิจัยอวดภาพ แมลงสาบทะเลยักษ์ สายพันธุ์ใหม่ ค้นพบจากทะเลอินโดนีเซีย จากภารกิจสำรวจใต้ทะเลลึก พร้อมตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ Bathynomus raksasa

         วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 เว็บไซต์ mothership.sg รายงานว่า กลุ่มนักวิจัยได้เผยความสำเร็จในการค้นพบ แมลงสาบทะเลยักษ์ สายพันธุ์ใหม่ จากใต้ทะเลลึกของอินโดนีเซีย หลังเก็บตัวอย่างได้จากภารกิจสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพใต้ทะเลลึก นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของจังหวัดชวาตะวันตก โดยแมลงสาบทะเลยักษ์ที่เพิ่งถูกค้นพบนี้ นับเป็นสายพันธุ์ที่ 20 ในกลุ่ม Giant isopod

          สำหรับภารกิจสำรวจทะเลลึกดังกล่าว เกิดขึ้นในปี 2561 กลุ่มนักวิจัย 31 คนพร้อมทีมสนับสนุน ได้ออกเดินทางไปสำรวจพื้นที่ใต้ทะเลลึกที่ยังไม่มีใครรู้จัก ในภารกิจสำรวจนาน 14 วัน โดยมี ปีเตอร์ อึ้ง ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ หลี่ กง เจียน ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ เป็นผู้นำทีมคณะสำรวจ



          สำหรับนักวิจัยที่ร่วมทีมมาจากหลายหน่วยงาน ทั้งจากทางพิพิธภัณฑ์เอง รวมถึงทางสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลเขตร้อน NUS และศูนย์วิจัยสมุทรศาสตร์ ของสถาบันวิทยาศาสตร์อินโดนีเซีย

          ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยสามารถเก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิตได้กว่า 12,000 ตัวอย่าง จากจุดที่ทำการสำรวจ 63 จุด โดยพบว่ามีราว 800 ตัวอย่างเป็นสายพันธุ์ที่เคยถูกค้นพบแล้ว แต่มี 12 ชนิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบจากการสำรวจครั้งนี้

          กระทั่งเวลาผ่านไป 2 ปี ในเดือนกรกฎาคม 2563 ทีมนักวิจัยเพิ่งมีรายงานยืนยันถึงอีกหนึ่งสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งถูกค้นพบจากการสำรวจดังกล่าว คือ แมลงสาบทะเลยักษ์ หรือ ไอโซพอด โดยมันได้รับการตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "Bathynomus raksasa"



          สำหรับไอโซพอด เป็นสัตว์น้ำเปลือกแข็งชนิดเดียวกับกุ้ง กั้ง ปู โดยส่วนมากมักมีขนาดเล็ก แต่ก็มีบางสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ โดยไอโซพอดยักษ์หรือแมลงสาบทะเลยักษ์  มักพบได้ในทะเลลึกของมหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบในทะเลอินโดนีเซีย


ขอบคุณข้อมูลจาก mothership.sg
https://hilight.kapook.com/view/204352

Monday, July 13, 2020

ตะลึง ค้นพบโครงกระดูกโบราณ เหยื่อถูกฆาตกรรมลึกลับ อายุกว่า 2,000 ปี


           พบโครงกระดูกยุคเหล็ก สภาพถูกมัดมือไพล่หลัง คาดเป็นเหยื่อถูกฆาตกรรมลึกลับ กว่า 2,000 ปี พร้อมพบอนุสาวรีย์และโลงศพชนชั้นสูง
 
           วันที่ 11 กรกฎาคม 2563 บีบีซี รายงานว่า เผยเรื่องราวการค้นพบโครงกระดูกจากยุคเหล็ก อายุราว 2,000 ปี ในฟาร์มเวลล์วิค ใกล้เมืองเวนโดเวอร์ ประเทศอังกฤษ โดยกระดูกนั้นสภาพอยู่ในท่าโดนมัดมือไพล่หลัง คาดว่าชายคนนี้เป็นเหยื่อการฆาตกรรม ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดในต้นเหตุการสังหาร  

           ขณะเดียวกันในพื้นที่ไม่ห่างออกไป มีการค้นพบอนุสาวรีย์ที่ทำจากไม้ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 65 เมตร หลายท่อน ถูกจัดเรียงตามการขึ้นของดวงอาทิตย์ในวันเหมายัน ลักษณะคล้ายกันกับสโตนเฮนจ์ รวมทั้งยังพบหลุมศพจากยุคโรมัน เป็นโลงศพราคาแพงที่ทำจากตะกั่ว มองได้ว่าพื้นที่บริเวณนี้ถูกใช้สำหรับฝังศพของคนชั้นสูง จากเหตุผลดังกล่าวทำให้นักโบราณคดีค่อนข้างงุนงงกับการพบโครงกระดูกถูกมัดมือจมอยู่ใต้คูน้ำเช่นนี้ และหวังว่าผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกจะสามารถไขข้อสงสัยในเรื่องนี้ได้
 
           สำหรับการค้นพบดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการค้นพบจากยุคหินใหม่ไปจนถึงยุคกลาง ก่อนที่จะเริ่มก่อสร้างเส้นทางรถไฟจากกรุงลอนดอน ไปเบอร์มิงแฮม แมนเชสเตอร์ และลีดส์ หรือโครงการ HS2 ซึ่งเป็นโครงการการก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ใช้งบประมาณกว่า 1.06 แสนล้านปอนด์

ขอบคุณข้อมูลจาก บีบีซี

ภาพจาก gartoon /shutterstock.com

Thursday, July 9, 2020

สุนัขถูกล่ามโซ่ทิ้งตอนแก่ แนบโน้ตสุดใจร้าย บอกเหตุทำไมไม่เอา หลังเลี้ยงมา 10 ปี

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Swale Borough Council Stray Dog Service

           สุนัขลาบราดอร์แก่ ถูกเจ้าของเอามาล่ามโซ่ทิ้งไว้หน้าสถานสงเคราะห์ พร้อมแนบโน้ตสุดใจร้าย บอกเลี้ยงมา 10 ปี สอนให้ดีไม่ได้ เลยเอามาคืน

           เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 เว็บไซต์ BoredPanda เผยเรื่องราวสะเทือนใจคนรักสัตว์ โดยเฉพาะคนเลี้ยงสุนัขทั้งหลาย เมื่อสุนัขสายพันธุ์ลาบราดอร์ เพศผู้ สีดำ ซึ่งมีอายุมากราว 14-15 ปี ถูกนำมาล่ามโซ่ทิ้งไว้ที่หน้าประตูสถานสงเคราะห์สุนัข Jasmil Kennels ในเขตสเวล มณฑลเคนต์ ของอังกฤษ พร้อมกับแนบโน้ตสุดใจร้าย บอกถึงเหตุผลที่เจ้าของต้องนำมันมาทิ้ง

           ทางเจ้าหน้าที่ Swale Dog Service หน่วยบริการดูแลสุนัขจรจัดในพื้นที่ เป็นผู้ไปพบเจ้าสุนัขลาบราดอร์ตัวนี้ แม้มันจะอายุมาก แต่ยังมีสุขภาพแข็งแรงและร่าเริงดี จากความสงสัย ในตอนแรก กลายเป็นความเศร้าสะเทือนใจ เมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้อ่านข้อความในกระดาษโน้ตที่ติดมากับตัวมัน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Swale Borough Council Stray Dog Service

           ข้อความระบุว่า "ช่วยรับผมไปเลี้ยงหน่อย เจ้าของผมทิ้งผมหลังจากเลี้ยงมา 10 ปี เพราะว่าผมไม่เรียนรู้ที่จะทำตัวดี ๆ ผมเลยต้องกลับมายังที่ที่เขาเจอผม ขอบคุณที่ดูแลผม ขออภัยในความไม่สะดวก"

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Swale Borough Council Stray Dog Service

           ภายหลังจากทาง Swale Dog Service ได้โพสต์ภาพและเรื่องราวของสุนัขตัวดังกล่าวแชร์ลงในเพจเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ก็มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นสงสารมันมากมาย จนกระทั่งในที่สุด มีญาติที่รู้จักกับเจ้าของสุนัขตัวนี้ติดต่อมา พวกเขากล่าวว่ารู้จักมัน และรักมัน ไม่รู้ว่าเจ้าของของมันจะเอามาทิ้งเช่นนี้ และได้ขอรับมันไปเลี้ยงไว้เอง

ขอบคุณข้อมูลจาก BoredPanda

Monday, July 6, 2020

จนท. สวนสัตว์รุ่นเก๋า ดับสยอง เสือตะปบยับคากรง เพื่อนร่วมงานเร่งช่วย แต่สายไปแล้ว...

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

           เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ซูริก ถูก เสือโคร่งไซบีเรีย ทำร้ายจนตายคากรง เพื่อนร่วมงานมาช่วยล่อเสือ พร้อมเรียกกู้ภัย แต่สายเกินกาล ด้านต้นสังกัดเร่งสืบสวนเหตุแล้ว


           เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2563 เดอะการ์เดี้ยน รายงานว่า เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญขึ้นที่สวนสัตว์ซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเจ้าหน้าที่สวนสัตว์หญิง วัย 55 ปี (ไม่เปิดเผยนาม) เสียชีวิตสยอง หลังจากถูกเสือโคร่งไซบีเรีย (Siberian tiger) หรือ เสือโคร่งอามูร์ (Amur tiger) พุ่งเข้าทำร้ายขณะอยู่ในกรง โดยขณะนี้ทางสวนสัตว์กำลังสอบสวนสืบสวนเรื่องนี้แล้ว

            สวนสัตว์ซูริก ออกแถลงการณ์ระบุว่า ในเวลาประมาณ 13.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับประมาณ 18.20 น ตามเวลาประเทศไทย ได้มีสัญญาณเตือนภัยฉุกเฉินดังขึ้น ระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ถูกเสือจู่โจม เจ้าหน้าที่สวนสัตว์คนอื่น ๆ จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ และพบว่า อิรินา (Irina) เสือโคร่งไซบีเรียเพศเมีย กำลังตะปบทึ้งร่างของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว

            ทีมเจ้าหน้าที่สวนสัตว์สามารถหลอกล่ออิรินาให้ออกไปจากกรงได้ และเรียกหน่วยแพทย์ฉุกเฉินทันที ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็สายเกินกว่าที่จะช่วยเหลือเหยื่อได้ พวกเขาพบว่าเจ้าหน้าที่หญิงเสียชีวิตแล้วในที่เกิดเหตุ

            สวนสัตว์ซูริก เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าเป็นอย่างยิ่ง ขณะนี้ทางสวนสัตว์กำลังเร่งสืบสวนว่าเพราะเหตุใดเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวถึงเข้าไปอยู่ในกรงขณะที่มีเสือโคร่งอยู่ในนั้น

            ทั้งนี้ สวนสัตว์ซูริกได้ปิดทำการเป็นเวลานานหลายเดือน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และเพิ่งกลับมาเปิดให้เข้าชมได้อีกครั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ก็ต้องปิดสวนสัตว์อีกครั้งจนถึงวันที่ 5 กรกฎาคม เพื่อสืบสวนเหตุ

ขอบคุณข้อมูลจาก
Guardian

https://hilight.kapook.com/view/204008
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/743797694699799696/

Thursday, June 25, 2020

ชมภาพสุดคิวต์ เจ้าออกัส ขึ้นแท่นตูบโกลเด้น อายุมากสุดในโลก หลังฉลองวันเกิด 20 ปี

ภาพจาก เฟซบุ๊ก GoldHeart Golden Retrievers Rescue

ตามไปชมภาพ ออกัส หรือออกี้ คุณยายตูบแสนน่ารัก ขึ้นแท่นเป็นโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ที่อายุมากสุดในโลก หลังฉลองวันเกิดครบ 20 ปี อายุยืนกว่าสายพันธุ์เดียวกันเกือบ 2 เท่า

วันที่ 23 มิถุนายน 2563 เว็บไซต์เมโทร รายงานว่า เจ้าตูบ "ออกัส" ที่แสนน่ารักจากรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ได้รับการยกให้เป็นสุนัขสายพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ที่อายุมากที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่คุณยายตูบตัวนี้ได้ฉลองวันเกิดครบรอบ 20 ปี ไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ท่ามกลางพี่น้องโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ที่อาศัยอยู่ด้วยกันอย่างแสนอบอุ่น
ภาพจาก เฟซบุ๊ก GoldHeart Golden Retrievers Rescue

รายงานเผยว่า เจ้าออกัส หรือ "ออกี้" เกิดเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2543 โดยเมื่อดูจากอายุของมันนั้นนับว่าน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง เพราะมันมีอายุยืนมากกว่าสุนัขในสายพันธุ์เดียวกันอยู่มาก โดยปกติแล้ว โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ จะมีอายุขัยเฉลี่ยอยูที่ 10-12 ปี

ทางด้าน Goldheart Golden Retrievers องค์กรช่วยเหลือสัตว์ในรัฐเทนเนสซี ซึ่งเคยช่วยหาบ้านใหม่ให้คุณยายออกี้ ได้เผยข่าวที่น่ายินดีของมันลงเฟซบุ๊กเพจ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ด้วยอายุถึง 20 ปีซึ่งมากกว่าอายุทั่วไปของสายพันธุ์นี้ถึง 2 เท่า ออกี้ใช้ชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้ด้วยยีนที่ยอดเยี่ยม ประกอบกับการดูแลอย่างดีเยี่ยมจาก เจนนิเฟอร์ ผู้เป็นเจ้าของมัน
หลังจากต้องหาบ้านใหม่ถึง 2 ครั้ง ในที่สุด เจนนิเฟอร์ ก็ยินดีจะรับออกี้มาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว ขณะที่มันมีอายุ 14 ปี แถมยังรับเลี้ยงสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ตัวอื่น ๆ มาเพิ่มเพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนเจ้าออกี้ด้วย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก GoldHeart Golden Retrievers Rescue
และเมื่อโอกาสพิเศษอย่างการฉลองวันเกิดครบ 20 ปีของออกี้มาถึง เจนนิเฟอร์ก็ไม่พลาดที่จะจัดงานฉลองให้มันอย่างน่ารัก ด้วยเค้กสำหรับสุนัข ป้ายแบนเนอร์แสดงความยินดี และผ้าพันคอสวยเก๋
ภาพจาก เฟซบุ๊ก GoldHeart Golden Retrievers Rescue
ทั้งนี้ แม้ว่าออกี้จะอายุมากชนิดที่ว่าเป็นคุณยายตูบได้แล้ว แต่มันยังคงแข็งแรงดีและเคลื่อนไหวได้ ออกี้ยังสนุกกับการเดินเล่นอยู่รอบ ๆ สวนในบ้าน แม้ว่าจะตัวสั่นเล็กน้อยตอนที่ยืนขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ขณะที่ เจนนิเฟอร์ ยืนยันว่า เธอจะดูแลออกี้ให้นานที่สุดและจะรักพวกมันตลอดไป
ภาพจาก เฟซบุ๊ก GoldHeart Golden Retrievers Rescue

ขอบคุณข้อมูลจาก เมโทร 

Thursday, June 11, 2020

ชะตากรรมสลด ลูกสิงโตถูกคนใจร้ายจับหักขา ทารุณสารพัด ไม่ให้หนีตอน นทท. มาถ่ายรูป


      เวทนา ลูกสิงโตถูกคนใจร้ายจับหักขา ไม่ให้หนีตอนมีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูป ชี้ถูกทารุณสารพัดจนใกล้ตาย แต่ชะตาเปลี่ยนเมื่อได้รับความช่วยเหลือ จนตอนนี้เริ่มเดินได้อีกครั้ง


      วันที่ 10 มิถุนายน 2563 เว็บไซต์เดลี่เมล มีรายงานเรื่องราวชวนสะเทือนใจของลูกสิงโตตัวหนึ่ง ที่ได้รับความทรมานสารพัดจากน้ำมือของมนุษย์ ถูกพรากจากอกแม่ ก่อนจะถูกคนใจร้ายจับหักขาหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้มันหนีไปไหนระหว่างนำตัวมาให้นักท่องเที่ยวบนชายหาดในรัสเซียได้เข้ามาถ่ายรูปด้วย

ภาพจาก Instagram karendallakyan

       รายงานเผยว่า ซิมบ้า ลูกสิงโตตัวนี้ ถูกมนุษย์แอบลักพาตัวมาจากแม่ของมัน ตั้งแต่ตอนที่มีอายุไม่กี่สัปดาห์ จากนั้นมันก็ถูกช่างภาพรายหนึ่งนำมาเร่ร่อนตระเวนไปตามชายหาดที่เมืองโซชี ในดินแดนครัสโนดาร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศรัสเซีย เมื่อฤดูร้อนปี 2562 เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูป


       อย่างไรก็ตาม เมื่อซิมบ้าเริ่มโตขึ้นช่างภาพใจร้ายก็ตีขามันจนหักเพื่อให้มันอยู่นิ่ง ๆ และไม่วิ่งหนีไปไหน ซิมบ้ายังถูกทารุณอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการทุบตี ปล่อยให้อดอาหารจนซูบผอม ต่อมามีคนพบมันถูกล่ามไว้ในโรงนาที่ทั้งสกปรกและหนาวเหน็บ ในภูมิภาคดาเกสถาน

       สื่อท้องถิ่นเผยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สุขภาพของลูกสิงโตทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว โดยความเจ็บปวดทรมานที่ได้รับจากอาการบาดเจ็บสาหัสที่กระดูกสันหลัง ทำให้มันใกล้ตาย ชีวิตของลูกสิงโตราวกับอยู่ในนรกบนดิน


       อย่างไรก็ตาม นับเป็นโชคดีมันได้รับความช่วยเหลือในที่สุด โดย ยูเลีย อกีวา ผู้นำทีมภารกิจช่วยเหลือสัตว์ป่า เผยถึงสภาพของซิมบ้าตอนที่เขาไปพบตัวมันว่า ลูกสิงโตไม่ได้รับอาหารอะไรเลย และยังมีน้ำค้างหยดใส่ตัวมันตลอดเวลา ในตอนที่ลูกสิงโตซึ่งอ่อนแอและผอมแห้งพยายามเลียอุ้งเท้าเพื่อทำความสะอาดตัวเอง มันยังสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด ขาหลังของมันบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด

       ที่เลวร้ายไปยิ่งกว่านั้น คือเจ้าหน้าที่พบว่าซิมบ้ายังมีความทุกข์ทรมานจากอาการอื่น ๆ เพิ่มเติม มันมีแผลกดทับ ลำไส้อุดตันและกล้ามเนื้อลีบที่ขาหลัง


       คนที่ช่วยเหลือซิมบ้า ตัดสินใจนำตัวมันมาหา คาเรน ดัลลักยาน สัตวแพทย์เฉพาะทางในเมืองเชเลียบินสค์ เพื่อทำการดูแลรักษาลูกสิงโตที่น่าสงสาร ซึ่งพบว่าภายหลังการผ่าตัดช่วยชีวิต รวมถึงการดูแลอย่างเอาใจใส่ของสัตวแพทย์ อาการของซิมบ้าก็ค่อย ๆ ดีขึ้นทีละน้อย และมันก็เริ่มเรียนรู้การเดินใหม่อีกครั้ง ภายใต้การกระตุ้นอย่างอ่อนโยนจากคาเรน

       แม้จะเจ็บปวด แต่ลูกสิงโตที่ก่อนหน้านี้ทำได้เพียงค่อย ๆ คลาน ก็เริ่มลุกขึ้นและเดินได้อีกครั้ง ในก้าวที่โซเซ นับเป็นการฟื้นฟูอย่างน่าอัศจรรย์สำหรับลูกสิงโตที่ถูกทารุณกรรม


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังค้างคาใจคาเรนอยู่ ก็คือการที่ไม่มีการสืบสวนหรือดำเนินคดีอะไรกับคนที่ทารุณกรรมสัตว์ตัวนี้ ซึ่งเขาก็ได้ตัดสินใจพูดถึงเรื่องชะตากรรมของซิมบ้า ให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้ทราบระหว่างการประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ในช่วงที่ประเทศถูกล็อกดาวน์ ซึ่งทางผู้นำรัสเซียก็ช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น และให้คำมั่นว่าจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อต่อต้านการทารุณกรรมสัตว์

ภาพจาก Instagram karendallakyan

       ทั้งนี้ หลังจากที่ทางประธานาธิบดีมีคำสั่งให้เริ่มสอบสวนคดีอาญา ต่อคนที่เกี่ยวข้องแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ได้เข้ามาสอบสวน อย่างไรก็ตามช่างภาพที่เคยนำซิมบ้าออกไปเร่ถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว ปฏิเสธข้อหาทารุณกรรมสัตว์ อ้างว่าตัวเองได้ยกลูกสิงโตให้กับเจ้าของใหม่ไปแล้ว

ภาพจาก Instagram karendallakyan