Wednesday, April 29, 2020

ชาวบ้านรวมตัวล่าจระเข้ยักษ์ 4 เมตร คาบคนลงน้ำ ผ่าท้องดูมีผงะ เจอศพพร้อมหัว สุดสยอง

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

             ชาวบ้านรวมตัวล่าจระเข้ยักษ์ 4 เมตร คาบเพื่อนลงน้ำต่อหน้า จับฆ่า-ผ่าเปิดท้อง เจอศพพร้อมหัว ด้านเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ชี้ เคยเตือนชาวบ้านให้เลี่ยงพื้นที่ดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่วายเกิดเหตุสลด 

             วันที่ 28 เมษายน 2563 เว็บไซต์จาการ์ตาโพสต์ รายงานว่า กลุ่มชาวบ้านจากหมู่บ้านเตลุก ลานุส ในจังหวัดรีเยา ประเทศอินโดนีเซีย ได้ร่วมกันจับจระเข้ขนาดใหญ่ 4 เมตร ผ่าเปิดท้อง หลังพบมีชาวประมงในหมู่บ้านถูกจระเข้คาบไปกิน โดยพบชิ้นส่วนศพและศีรษะของเหยื่ออยู่ภายในท้องจระเข้ตัวดังกล่าว

             รายงานเผยว่า ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 เมษายน) สยาฟริ ชายวัย 55 ปี กับเพื่อนคือ โทฮา ได้ออกไปวางกับดักจับปลาที่ปากแม่น้ำลาการ์ ตอนนั้นเองที่อยู่ ๆ ก็มีจระเข้ขนาดใหญ่โผล่เข้ามาจู่โจมใส่ทั้งคู่ โทฮาหนีออกมาได้และพยายามจะช่วยเพื่อน แต่ก็ไม่ทันกาล สยาฟริถูกจระเข้ลากลงน้ำไปแล้ว

             โทฮาจึงรีบวิ่งกลับไปขอความช่วยเหลือจากคนในหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารกับตำรวจ ก็ได้ระดมกำลังกันออกตามหาสยาฟริ แต่ก็ยังไม่มีใครพบตัวเขา กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น (27 เมษายน) จึงมีคนพบชิ้นส่วนขาของชายคนหนึ่ง โผล่อยู่ที่หนองน้ำ ไม่ไกลจากจุดที่สยาฟริถูกจระเข้คาบไป

             ชาวบ้านจึงรีบรุดไปค้นหาต่อยังหนองน้ำและพื้นที่ดังกล่าว พร้อมนำตาข่ายไปวางไว้บริเวณปากแม่น้ำ กระทั่งสามารถจับจระเข้น้ำเค็มขนาดใหญ่ได้ ซึ่งชาวบ้านก็ได้จัดการฆ่าจระเข้และผ่าท้องดูทันที ว่ามันใช่จระเข้ที่กินคนไปหรือไม่ ก่อนชาวบ้านจะพบชิ้นส่วนของมนุษย์ รวมถึงศีรษะของเหยื่อ อยู่ในท้องจระเข้


ภาพจาก Thaniai Official

ด้าน เฮรู สุตมานโฟโร หน่วยหน้าหน่วยอนุรักษจากหน่วยงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติจังหวัดรีเยา เผยว่า เขาเสียใจกับการตายที่เกิดขึ้น โดยที่ผ่านมาทางหน่วยงานได้เตือนประชาชนมาตลอด ให้หลีกเลี่ยงแหล่งที่อยู่ของจระเข้น้ำเค็ม และให้ระมัดระวังพื้นที่รอบ ๆ โดยนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ เคยมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นมาก่อน รอบ ๆ แม่น้ำลาการ์ อย่างไรก็ตาม เหยื่ออาจไม่ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งที่อยู่ของจระเข้น้ำเค็ม

             แม้ว่าเขาจะเสียใจกับผู้ตาย แต่เขาก็เสียใจที่จระเข้ถูกชาวบ้านฆ่าไปเช่นกัน โดยชี้ว่าจระเข้น้ำเค็มถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมาย แต่ทางหน่วยงานของเขาก็ไม่มีอำนาจในการลงโทษอะไรชาวบ้าน เพราะเป็นอำนาจของตำรวจหรือหน่วยงานจากกระทรวงสิ่งแวดล้อมและป่าไม้

ขอบคุณข้อมูลจาก จาการ์ตาโพสต์

https://hilight.kapook.com/view/201851

Monday, April 20, 2020

แม่สู้สุดใจ ทิ่มนิ้วแยงจมูกจระเข้ ปล้ำช่วยลูกน้อย 3 ขวบ หลังถูกงาบลงน้ำต่อหน้า

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

       แม่ซิมบับเวสู้สุดใจ ทิ่มนิ้วแยงจมูกจระเข้ หวังให้จระเข้อ่อนแรง ปล้ำช่วยลูกน้อย 3 ขวบ หลังถูกงาบลงน้ำต่อหน้า ไม่คาดจะได้ผลจริง ช่วยลูกชายมาได้แม้ตัวเองต้องเจ็บ

       วันที่ 18 เมษายน 2563 เว็บไซต์เดอะซัน รายงานว่า แม่ชาวซิมบับเวได้เผยประสบการณ์สุดระทึก ขณะที่เธอพุ่งเข้าปล้ำกับจระเข้เพื่อช่วยลูกชายตัวน้อยออกมาจากคมเขี้ยวของมัน โดยมีท่าไม้ตายเป็นการใช้นิ้วทิ่มเข้าไปในรูจมูกของจระเข้ ทำให้มันหายใจไม่ออก จนทำให้ลูกกับตัวเธอรอดชีวิตมาได้

        เหตุการณ์น่าเหลือเชื่อนี้ เกิดขึ้นขณะที่ มัวรินา มูซิซินยานา วัย 30 ปี ไปตกปลาอยู่ริมแม่น้ำลูนดี ในเมืองชิเรดซี โดยปล่อยให้ลูกชาย 2 คนเล่นกันอยู่บริเวณใกล้ ๆ แต่แล้วอยู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงร้องของลูกชายวัย 3 ขวบดังขึ้น ซึ่งเมื่อหันไปมองก็พบจระเข้ตัวใหญ่กำลังคาบลากลูกชายของเธอลงน้ำไปต่อหน้าต่อตา

        จระเข้ตัวดังกล่าวเป็นสายพันธุ์จระเข้แม่น้ำไนล์ ที่มีขนาดใหญ่และมีความดุร้ายมาก อย่างไรก็ตามด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ มูซิซินยานารีบพุ่งเข้าไปหาจระเข้อย่างไม่รอช้า และพยายามใช้นิ้วทิ่มเข้าไปในรูจมูกของมัน พร้อม ๆ กับปลุกปล้ำและใช้มืออีกข้างดึงหัวลูกชายออกมาจากปากของจระเข้

        มูซิซินยานาชี้ว่า เธอเคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่พูดกันว่า วิธีการดีที่สุดในการทำให้จระเข้อ่อนแอ ก็คือการจิ้มรูจมูกของมันให้หายใจไม่ออก ซึ่งจระเข้จะอ่อนแรงลง แล้วมันก็ได้ผลจริง ๆ

        ทั้งนี้ หลังจระเข้ยอมปล่อยตัวเด็กชาย มันก็หันมางับมือของมูซิซินยานาจนเป็นแผล ก่อนที่จะยอมถอยลงน้ำไป ปล่อยแม่ลูกที่กำลังหวาดกลัวอย่างหนักขึ้นจากน้ำ แล้วรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน ซึ่งเมื่อถึงมือแพทย์ ก็พบว่าเด็กชายมีเลือดไหลออกจากบาดแผลมาก และแผลบนหน้าก็ยังทำให้เขาหายใจลำบากด้วย

        แต่ก็นับเป็นโชคดีที่เด็กชายรอดมาได้ เขาตอบสนองต่อการรักษาได้ดี เช่นเดียวกับแม่ของเขาที่แม้จะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็สามารถช่วยชีวิตลูกชายเอาไว้ได้ โดยเธอได้เปิดใจกับสถานีโทรทัศน์ ZBC ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นว่า "ฉันยังไม่อยากเชื่อว่าฉันจะช่วยลูกชายไว้ได้"

        อนึ่ง ZBC รายงานเพิ่มเติมว่า แม่น้ำสายดังกล่าวมีประชากรจระเข้อาศัยอยู่จำนวนมาก และที่ผ่านมาก็เคยมีเหตุชาวบ้านถูกจระเข้ทำร้ายหลายครั้ง ระหว่างมาตกปลาหรือพยายามจะข้ามฝั่ง ในแต่ละปีจะมีคนเกือบ 200 คน ที่เสียชีวิตเพราะจระเข้แม่น้ำไนล์ สำหรับวิธีการใช้นิ้วทิ่มจมูกจระเข้จนรอดมาได้นั้น พบว่าตอนที่จระเข้แม่น้ำไนล์อยู่บนบก จะใช้ปากหายใจเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อมันกลับลงน้ำ วาลว์ในคอจะถูกปิด ทำให้ต้องใช้จมูกในการหายใจเป็นหลัก การจู่โจมของแม่รายนี้จึงเป็นการเล่นงานที่ระบบการหายใจของมันโดยตรง

Tuesday, April 14, 2020

ชาวบ้านอึ้ง เจอจระเข้ 4 เมตร พุงตึงอยู่ริมน้ำหลังมีคนหาย จับผ่าท้องดู พบศพเด็กในสภาพไร้หัว

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

       สะพรึงหนัก เด็ก 7 ขวบหายตัวปริศนา ระดมกำลังตามหา 2 วันกลับไร้ร่องรอย ก่อนพบร่างในสภาพน่าสลด กลายเป็นศพไร้ศีรษะในท้องจระเข้ 4 เมตร 

       วันที่ 11 เมษายน 2563 เว็บไซต์ kompas.com รายงานว่า เกิดเหตุสลดกับครอบครัวหนึ่งในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อลูกชายวัย 7 ขวบ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยขณะเล่นอยู่ในพื้นที่ริมชายหาด ชาวบ้านและตำรวจระดมกำลังออกตามหาอยู่ถึง 2 วันก็ยังไม่เจอ ก่อนสุดท้ายจะรู้ความจริงว่าเด็กน้อยได้กลายเป็นเหยื่อของจระเข้ไปแล้ว

        รายงานเผยว่า เด็กชายหายตัวไปตั้งแต่ช่วงสายวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา ขณะเล่นอยู่ที่ชายฝั่งของหมู่บ้านไวมันกิต จังหวัดมะลูกู หลังได้รับแจ้งเหตุเด็กหาย เจ้าหน้าที่กับชาวบ้านก็ระดมกำลังออกค้นหาทั้งทางบกและทางน้ำ โดยมีการนำเรือยางกับเรือหางยาวมาช่วยในการค้นหา แต่ก็ยังไม่ได้รับเบาะแสใด ๆ ในวันต่อมาเจ้าหน้าที่จึงทำการค้นหาต่ออีกครั้ง บริเวณรอบ ๆ จุดที่เด็กหายไป เผื่อเด็กอาจจะหลงทางหรือถูกน้ำซัดหายไปทะเล

        อย่างไรก็ตาม การค้นหาในวันที่ 2 เป็นไปได้ค่อนข้างลำบากเนื่องจากมีฝนตกหนักจนทัศนวิสัยย่ำแย่ แถมยังมีกระแสลมแรง แต่หลังจากนั้นทีมค้นหาก็ได้รับข้อมูลที่น่าสนใจ ว่ามีคนพบจระเข้ตัวหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เด็กหายไป ราว ๆ 150 เมตรเท่านั้น โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ suara.com เผยว่า ชาวบ้านได้พบจระเข้ตัวใหญ่ถึง 4.1 เมตรนี้ ขณะนำเรือสปีดโบ้ทออกไปค้นหาแถว ๆ แม่น้ำ จึงได้ตามคนอื่น ๆ ที่กำลังค้นหาเด็กอยู่ที่ชายหาดให้มาตรวจสอบ

        เมื่อชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึง หัวหน้าหมู่บ้านดังกล่าวก็ขอให้ตำรวจฆ่าจระเข้ทิ้ง เพราะสงสัยว่ามันจะกินคนเข้าไป ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ต้องทำตามที่ชาวบ้านต้องการ โดยต้องใช้อาวุธปืนไรเฟิลยิงสังหารถึง 5 นัด จระเข้ถึงตาย จากนั้นก็ได้ทำการผ่าท้องจระเข้ตัวดังกล่าว ก่อนจะพบศพของเด็กที่หายไปในสภาพไร้ศีรษะ อยู่ในท้องจระเข้จริง ๆ

        ทั้งนี้ ทางครอบครัวได้นำร่างของเด็กชายกลับไปทำพิธีศพที่บ้านและได้ทำการฝังร่างของเด็กน้อยหลังจากนั้นทันที ท่ามกลางความเศร้าโศกที่ต้องเสียลูกชายไปในหนทางที่น่าเศร้าเช่นนี้


Friday, April 10, 2020

หญิงวัย 50 โดนงูรัด ปล้ำสู้สุดชีวิต เหลือมยักษ์ 7 เมตร แล้วไง ทำอะไรแม่แทบไม่ได้

ภาพจาก lampung77.com

             หญิงอินโดนีเซีย วัย 50 ปี ถูกงูเหลือมรัด ปล้ำสู้กับงูสุดชีวิต แบบไม่มียอมแพ้ จนชาวบ้านมาช่วย รอดชีวิตในที่สุด เผยเป็นงูเหลือมยักษ์ 7 เมตร ด้านเหยื่อรอดปลอดภัย ไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงใด ๆ

              เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 เว็บไซต์ซูร์ยาเกอปรี รายงานว่า นียา (สงวนนามสกุล) หญิงชาวอินโดนีเซีย วัย 50 ปี รอดชีวิตปาฏิหาริย์ หลังจากถูกงูเหลือม 7 เมตร พุ่งเข้าจู่โจมและรัดร่าง โดยเธอพยายามต่อสู้สุดแรงเกิด ปล้ำกับงูสุดชีวิต พร้อมทั้งกรีดร้องขอความช่วยเหลือ จนลูก ๆ และชาวบ้านเข้ามาช่วยเหลือได้สำเร็จ

              เหตุการณ์ระทึกดังกล่าวเกิดขึ้นที่หมู่บ้านบุหงี อ.กอนตูนากา ภูมิภาคมูนา จังหวัดสุลาเวซีตะวันออกเฉียงใต้ โดยในเช้ามืดของวันที่ 6 เมษายน นียาและลูก 2 คน เสร็จงานถางหญ้าในสวนและเดินทางกลับบ้าน

              ในระหว่างทาง จู่ ๆ ลูก ๆ ของนียาก็ได้ยินเสียงแม่กรีดร้อง พวกเขาจึงวิ่งย้อนกลับไปดู ก่อนจะพบเห็นแม่กำลังถูกงูรัด งูดังกล่าวเป็นงูเหลือมขนาดใหญ่มาก ลูกคนหนึ่งเข้าไปพยายามช่วยแงะงูออกจากตัวเธอ ส่วนลูกอีกคนวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน


ภาพจาก เว็บไซต์ซูร์ยาเกอปรี

               ลาโอเด อูดี หนึ่งในชาวบ้านที่พบเห็นเหตุการณ์ และหวาดกลัวไม่กล้าช่วย เขาเล่าว่า ระหว่างรอชาวบ้านคนอื่น ๆ ตามมาช่วยเหลือ นียาก็ปล้ำสู้กับงูแบบสุดฤทธิ์ ไม่มียอมแพ้ง่าย ๆ

              จนกระทั่งกลุ่มชาวบ้านหลายคนเข้ามาถึงจุดเกิดเหตุ พวกเขารีบระดมกำลังกันเข้ามาช่วยเหลือนียา จนรอดพ้นจากงู และช่วยกันรุมกระหน่ำทุบงูจนตาย โดยงูเหลือมดังกล่าววัดความยาวได้ประมาณ 7 เมตร

              ทางด้านนียาถูกเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลจากการบาดเจ็บ โดยพบว่ามีบาดแผลถูกงูกัดที่แขนขวาและน่อง แต่เธอไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงมากนัก ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว


https://hilight.kapook.com/view/201367#cxrecs_s