Tuesday, December 31, 2019

เปิดใช้สะพานยักษ์ผิงถัง สะพานที่สูงที่สุดในโลก เทียบเท่ากับตึก 110 ชั้น


        เปิดใช้สะพานยักษ์ผิงถัง สะพานที่สูงเท่ากับตึก 110 ชั้น ช่วยลดการเดินทางจาก 2 ชั่วโมงครึ่งเหลือ 1 ชั่วโมง

        วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ซินหัวไทย รายงานว่า ที่มลฑลกุ้ยโจว ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน มีการเปิดใช้งานสะพานผิงถัง ซึ่งเป็นสะพานขึงขนาดยักษ์ข้ามหุบเขาแม่น้ำฉาวตู้ ยาวกว่า 2,135 เมตร ขณะเดียวกันหอคอยหลักตรงกลางสูง 332 เมตร หรือเท่ากับตึก 110 ชั้น นับเป็นหอคอยสะพานที่สูงที่สุดในโลก

        ทั้งนี้ การเปิดตัวสะพานดังกล่าวจะสามารถลดระยะเวลาที่ใช้เดินทางจากผิงถัง-หลัวเตี้ยน จาก 2 ชั่วโมงครึ่งเหลือราว 1 ชั่วโมงเท่านั้น

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

Friday, December 27, 2019

โรงแรมประกาศรับสมัคร พ่อบ้านของขนฟู คอยดูแลตารางงานเจ้านายสุดฮอตตัวนี้

ภาพจาก Instagram kittythebernese

โรงแรมในสหรัฐฯ ประกาศรับสมัครพ่อบ้านขนฟู คอยจัดการดูแลตารางงาน เจ้าคิตตี้ ตูบสุดฮอตประจำโรงแรมตัวนี้

 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยเรื่องราวน่ารักชวนยิ้ม เมื่อเซนต์เรจิส แอสเพน รีสอร์ต (St. Regis Aspen Resort) โรงแรมตากอากาศในสหรัฐอเมริกา ประกาศรับสมัคร "พ่อบ้านขนฟู" เพื่อมาทำหน้าที่เฉพาะ นั่นคือ ดูแลเจ้าคิตตี้ สุนัขพันธุ์เบอร์นีส เมาน์เทนด็อก ตูบแสนรักและมาสคอตของโรงแรม โดยมีหน้าที่คอยจัดตารางกิจวัตรของมัน รวมไปถึงจัดการเกี่ยวกับข้อเสนอต่าง ๆ เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของทางโรงแรม

ภาพจาก Instagram kittythebernese

คุณสมบัติของผู้ที่จะมาทำตำแหน่งพ่อบ้านขนฟูได้นั้น แน่นอนว่าจะต้องมีใจรักสัตว์ขั้นสูงสุด นอกจากนี้ยังต้องชื่นชอบการถ่ายภาพ และมีความสามารถทางโซเชียลมีเดีย ที่จะถ่ายภาพเจ้าคิตตี้ไปโปรโมต รวมถึงมีความสามารถด้านการสื่อสาร มีทักษะด้านการปฏิสัมพันธ์ที่ดี 


ภาพจาก Instagram kittythebernese

 สำหรับผู้ที่ต้องการตำแหน่งนี้มาก ๆ ผู้สมัครจะต้องแสดงศักยภาพให้เจ้าคิตตี้ได้เห็นว่าทำไมถึงอยากมาเป็นทาสของมัน โดยการทำเรซูเม่เป็นวิดีโอหรือภาพถ่าย ส่งไปทางช่องทางโซเชียลมีเดียของโรงแรม แล้วเจ้าคิตตี้จะพิจารณาติดต่อกลับไปเอง

ภาพจาก Instagram kittythebernese

สำหรับผู้สมัครคนไหนที่สนใจ สามารถเข้าไปชมภาพว่าที่เจ้านายได้ที่อินสตาแกรม kittythebernese และชมตัวอย่างตารางงานคร่าว ๆ ของเจ้าคิตตี้ หลัก ๆ ก็คือ ต้อนรับแขก เดินสำรวจความเรียบร้อยรอบ ๆ โรงแรม รวมไปถึงส่งแขกขึ้นห้องนอน ต้องบอกก่อนว่าเจ้าคิตตี้ฮอตอยู่ไม่น้อย มีผู้ติดตามอยู่เกือบ 50,000 ฟอลโลเว่อร์เลยทีเดียว


ภาพจาก Instagram kittythebernese

ภาพจาก Instagram kittythebernese

ภาพจาก Instagram kittythebernese

ภาพจาก Instagram kittythebernese

ภาพจาก Instagram kittythebernese

ภาพจาก Instagram kittythebernese

ภาพจาก Instagram kittythebernese

ภาพจาก Instagram kittythebernese

ภาพจาก Instagram kittythebernese

ภาพจาก Instagram kittythebernese

ภาพจาก Instagram kittythebernese

https://pet.kapook.com/view218876.html#cxrecs_s

Thursday, December 12, 2019

ตูบเป็นแผล-ขนโกร๋น ถูกฝังทั้งเป็น รอดชีวิตมาได้ เปลี่ยนไปเป็นคนละตัว

ภาพจาก PAWS of Hawaii

        ตูบถูกทำร้ายทารุณ ถูกฟันเป็นแผล ขนโกร๋นทั้งตัว ก่อนนำมาฝังทรายทั้งเป็น รอดชีวิตมาได้เหลือเชื่อ ก่อนเปลี่ยนไปเป็นคนละตัว

        เจ้าตูบชะตากรรมน่าเวทนาตัวนี้มีชื่อว่า เลอาโลฮา (Leialoha) แปลว่า เด็กที่รัก เมื่อต้นฤดูร้อนที่ผ่านมา มันถูกพบที่บริเวณหาดทรายของหาดโออาฮู ที่ฮาวาย อยู่ในสภาพเหมือนสุนัขถูกแดดเผา มีบาดแผลเต็มร่างกาย ขาซ้ายหน้าของมันมีรอยฟันรุนแรง ซึ่งน่าจะเป็นผลงานจากมีดเปื้อนสนิมที่ถูกฝังอยู่ใกล้ ๆ กับมัน ขนของมันร่วงหายไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เห็นผิวหนังของมันกลายเป็นสีแดงชัดเจน  

          ภาพการช่วยเหลือเจ้าตูบตัวดังกล่าวเป็นภาพที่น่าเศร้าและสะเทือนใจของใครหลาย ๆ คน สัตวแพทย์พบว่า มันมีอาการของโรคผิวหนังที่รุนแรง และอยู่ในสภาวะขาดน้ำ ก่อนจะมีประกาศขอความช่วยเหลือออกมาสู่สาธารณชน

          เพียงไม่กี่เดือนผ่านไป สภาพของมันในวันนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ขนสีขาวบริสุทธิ์ สลับกับจุดสีน้ำตาลของมันกลับคืนมาอีกครั้ง แววตาที่เศร้าหมองสิ้นหวังหายไป กลายเป็นแววตาแห่งความร่าเริงสดใส น่าดีใจแทนเจ้าตูบจริง ๆ

          การช่วยเหลือในครั้งนี้ ต้องขอบคุณการดูแลที่น่าอัศจรรย์จากทีมบริการสัตวแพทย์ Aloha Affordable Veterinary Services โดยอะแมนดา เป็นผู้คอยจัดการ และได้รับความช่วยเหลือจากทีมงานในชุมชน ที่พร้อมมาให้การสนับสนุนอย่างเต็มความสามารถ


Wednesday, December 4, 2019

ลูกหมาถูกทิ้ง มีหางงอกกลางหัว คนแห่เอ็นดู ตั้งฉายา เจ้ายูนิคอร์นน้อย

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Mac the pitbull

               เจ้าหน้าที่ในสหรัฐฯ ช่วยลูกหมาถูกทิ้ง มีหางจิ๋วงอกกลางหัว เรียกกันว่า เจ้ายูนิคอร์นน้อย กลายเป็นโด่งดัง มีแต่คนเอ็นดูมากมายเลยตอนนี้

              วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 เว็บไซต์เดอะซัน เผยเรื่องราวของเจ้าตูบน้อยตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกสุนัขที่มีความแปลกประหลาดและพิเศษรวมอยู่ด้วยกัน เพราะมีหางจิ๋วงอกขึ้นมากลางหัว แต่ก่อนที่จะกลายมาเป็นที่รู้จัก มันมีชะตากรรมที่น่าเศร้า

               เจ้าของใจร้ายนำมันมาทิ้ง ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลใด แต่เคราะห์ดีที่ทางเจ้าหน้าที่ทีม Mac's Mission กลุ่มองค์กรช่วยเหลือสัตว์ ในรัฐมิสซูรี สหรัฐฯ ไปพบมันอยู่กับสุนัขตัวใหญ่อีกตัวหนึ่ง จึงได้ช่วยพวกมันไว้ โดยเจ้าตูบน้อยอยู่ในสภาพบาดเจ็บ เท้ามีแผล คาดว่าเป็นสายพันธุ์ดัชชุนด์ ผสมเทอร์เรีย แต่ที่สะดุดตาจริง ๆ ก็คงจะเหมือนที่เห็น ๆ กันอยู่ นั่นก็คือ มีหางจิ๋วงอกออกมากลางหัว


ภาพจาก เฟซบุ๊ก Mac the pitbull

               ภายหลังจากทำการเอกซเรย์และตรวจเช็กร่างกายที่คลินิกสัตว์ Cape Small Animal Clinic ก็พบว่า หางจิ๋วกลางหัวของมันนั้น ไม่ได้เชื่อมต่อกับการทำงานใด ๆ ในร่างกาย และมันไม่สามารถกระดิกหรือส่ายไป-มาเองเหมือนหางทั่วไปได้ ซึ่งหางปกติของมันก็ยังคงมีอยู่ และใช้การได้ปกติ แม้จะดูแปลกแต่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ เพราะเท่ากับว่า หางจิ๋วนี้เป็นความพิเศษที่ทำให้มันกลายเป็นลูกสุนัขที่เจ๋งสุด ๆ เท่าที่เคยพบมา


ภาพจาก เฟซบุ๊ก Mac the pitbull

               ทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งชื่อให้ว่า นาร์วาล (Narwhal) และเพราะรูปลักษณ์ที่พิเศษ ทำให้เจ้านาร์วาลได้รับฉายาว่า เจ้ายูนิคอร์นน้อย โดยภายหลังจากทางเจ้าหน้าที่นำภาพและคลิปความน่ารักไปโพสต์แชร์ในเพจทางโซเชียล ก็กลายเป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนมาก ต่างพากันเอ็นดูและชื่นชม จนตอนนี้โด่งดังใหญ่แล้ว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Mac the pitbull

               อย่างไรก็ดี หากในภายหลังพบว่าหางจิ๋วของเจ้านาร์วาลจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย ก็จำเป็นต้องตัดมันทิ้ง เมื่อเจ้านาร์วาลเติบโตและแข็งแรงพอที่จะทนรับกับการผ่าตัดได้ แต่ทั้งนี้ หากพบว่าหางจิ๋วนี้ไม่เป็นปัญหาใด ๆ ก็จะเก็บมันไว้เช่นนี้ ซึ่งตอนนี้ทางสัตวแพทย์เผยว่า ยังไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องตัดความพิเศษนี้ออกไปจากเจ้านาร์วาล 




https://pet.kapook.com/view217164.html

ทีมแพทย์ ปลุกชีพหัวใจจากผู้บริจาคที่ตายไปแล้ว ปลูกถ่ายแก่คนไข้สำเร็จ เคสแรกในสหรัฐฯ

ภาพจาก ทวิตเตอร์ @JacobNiall

            ทีมแพทย์เผยความสำเร็จ ปลุกชีพหัวใจจากผู้บริจาคที่ตายไปแล้ว มาปลูกถ่ายแก่คนไข้ สำเร็จเป็นเคสแรกในสหรัฐฯ อีกหนึ่งความหวังของวงการปลูกถ่ายหัวใจ

            กลายมาเป็นข่าวที่สร้างความฮือฮาแก่วงการแพทย์ในสหรัฐฯ เมื่อทีมแพทย์จากภาควิชาศัลยศาสตร์โรคหัวใจและทรวงอก แห่งมหาวิทยาลัยดุ๊ก ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศความสำเร็จ ในการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจโดยใช้หัวใจจากผู้บริจาคที่เสียชีวิตแล้ว

            โดยเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2562 เว็บไซต์ ladbible.com รายงานว่า ความสำเร็จอันน่าทึ่งนี้ถูกประกาศผ่านทวิตเตอร์ของ ดร.จาค็อบ ไนแอล สชอร์เดอร์ ผู้อำนวยการโครงการปลูกถ่ายหัวใจ ของสถาบันดังกล่าว ซึ่งการที่ได้เห็นหัวใจยังคงเต้นได้แม้อยู่นอกร่างของผู้บริจาคนั้น เป็นอะไรที่น่าตกตะลึงอย่างมาก



            สำหรับการปลูกถ่ายในครั้งนี้เป็นการปลูกถ่ายโดยใช้อวัยวะที่ได้รับมาหลังความตาย (donation-after-death หรือ DCD) เคสแรกในผู้ใหญ่ ของสหรัฐฯ โดยทีมแพทย์ได้นำอวัยวะออกมาจากผู้บริจาคที่เสียชีวิตแล้ว ก่อนจะปลุกชีพหัวใจนี้ให้เต้นอีกครั้ง แล้วจึงนำมาปลูกถ่ายแก่ผู้รับบริจาค โดยพบว่าหัวใจดังกล่าวสามารถเก็บรักษาได้นานถึง 8 ชั่วโมง ภายหลังนำออกมาจากร่างของผู้บริจาคที่เสียชีวิต

             แม้ว่ารายละเอียดผู้ที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัด รวมถึงเทคนิคที่ใช้จะไม่ได้รับการเปิดเผย แต่ข่าวดังกล่าวก็นับเป็นสัญญาณแห่งความหวัง สำหรับผู้ป่วยที่กำลังเฝ้ารอการปลูกถ่ายหัวใจ โดยมีคนมากมายเข้ามาแสดงความชื่นชมทีมแพทย์ รวมถึงแสดงความขอบคุณผู้บริจาค ที่ความเสียสละของเขาอาจช่วยต่อชีวิตแก่ผู้อื่นได้

             ทั้งนี้ ในขณะที่การปลูกถ่ายหัวใจแบบ DCD ในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกของสหรัฐฯ แต่พบว่าสหราชอาณาจักรเคยประสบความสำเร็จในการผ่าตัดแบบเดียวกันนี้มาแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน 


https://hilight.kapook.com/view/197029

Monday, December 2, 2019

บ.ออสเตรเลีย พัฒนาไวรัสใหม่ มาเพื่อสู้มะเร็ง มั่นใจฆ่าเนื้อร้ายอยู่หมัด



        บริษัทออสเตรเลีย พัฒนาไวรัสใหม่สู้มะเร็ง เผยลดเซลล์มะเร็งได้ เตรียมทดลองในมนุษย์ เชื่อเป็นความหวังใหม่ ในวงการแพทย์ ด้านผู้เชี่ยวชาญเตือน ยังมีความเสี่ยง 

        เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 เว็บไซต์แลดไบเบิล เผยแพร่ข้อมูลจากรายงานพิเศษของ เดอะเดลี่เทเลกราฟ ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ประจำบริษัทวิจัย อิมมูยีน (Imugene) ในออสเตรเลีย ได้คิดค้นและพัฒนายาต้านมะเร็งจากเชื้อฝีดาษวัว ที่ใช้เป็นตัวต้นสำคัญในวัคซีนฝีดาษในมนุษย์ โดยยาต้านมะเร็งดังกล่าวมีชื่อว่า CF33 ซึ่งผลจากการทดลองในหนู ปรากฏว่าสามารถลดเซลล์มะเร็งได้จริง และนี่จะเป็นความหวังในวงการแพทย์ในอนาคต
       ศาสตราจารย์หยูมาน ฟง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง เปิดเผยว่า หลักฐานเรื่องไวรัสฆ่าเชื้อมะเร็งสามารถนับย้อนไปได้ในช่วงต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยตอนนั้นผู้คนที่ใช้วัคซีนรักษาโรคพิษสุนัขบ้า พบว่าโรคมะเร็งของตัวเองหายไป 
       แต่ปัญหาก็คือ การพัฒนาไวรัสที่แข็งแรงพอที่จะฆ่าเชื้อมะเร็งได้ มันก็เป็นที่กังวลว่ามันจะฆ่ามนุษย์ไปด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ฟงมั่นใจว่าไวรัสที่เขาพัฒนานั้นปลอดภัยในการใช้กับมนุษย์ และเชื่อว่ามันจะกลายเป็นวิธีกำจัดเนื้อร้ายอย่างมะเร็งได้ดีที่สุด
       รายงานระบุว่า ทาง อิมมูยีน อยู่ในช่วงเตรียมโครงการทดลองไวรัสดังกล่าวกับมนุษย์ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายสำคัญก็คือ ผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม โดยผู้ป่วยจะได้รับการฉีดไวรัสเข้าไปที่เนื้อร้ายโดยตรง ซึ่งมันจะขยายตัวจนทำลายเนื้อร้ายได้ไปทั้งหมด ฆ่าเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
        แม้ว่าโครงการพัฒนาไวรัสต้านโรคมะเร็งดังกล่าวจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นยินดี แต่หลายภาคส่วนก็ออกมาเตือนว่ามันคงจะต้องใช้ระยะเวลายาวนาน กว่าที่ไวรัสตัวนี้จะสามารถนำไปใช้ได้ในโรงพยาบาล 
        ศาสตราจารย์ซานเจีย อารันดา ผู้อำนวยการสภามะเร็งออสเตรเลีย ให้ความเห็นว่า การนำไวรัสตัวนี้มาทดลองใช้ในมนุษย์นั้น มันจะต้องดูด้วยว่าระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะต่อต้านไวรัสตัวนี้ และทำลายมันทิ้งก่อนที่จะเดินทางไปถึงเซลล์มะเร็งหรือไม่ รวมทั้งต้องดูด้วยว่ามันจะสร้างผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายหรือไม่
"เซลล์มะเร็งเป็นสิ่งที่ฉลาดมาก มันคือที่สุดของวิวัฒนาการซึ่งสามารถกลายพันธุ์ตัวเองเพื่อให้อยู่รอดได้เสมอ และก็ดูเหมือนว่ามันจะสามารถพัฒนาตัวเองจนสามารถต่อต้านไวรัสดังกล่าวได้ ดังเช่นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ เพราะมันก็เริ่มต่อต้านการรักษาด้วยเคมีบำบัด และการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดด้วยเช่นกัน" ผู้อำนวยการสภามะเร็งออสเตรเลีย กล่าว


Sunday, December 1, 2019

เหลือมชะตาขาด โดนจงอางฉกไปกิน เขมือบลงท้องชิล ๆ แต่สุดท้ายตายคู่

ภาพจาก Renato Daligdig

         งูเหลือมชะตาขาด โดนงูจงอางฉกไปกิน กลืนลงท้องสบาย ๆ ทั้งตัว แต่งานนี้งูจงอางก็จะชะตาดับ ชาวบ้านดันไปเจอ โดนทุบตายอนาถ

         เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า ชาวบ้านในหมู่บ้านหนึ่งในจังหวัดตีโมกดาเบา เขตดาเบา บนเกาะมินดาเนา ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ พบเห็นงูจงอางขนาดใหญ่ตัวหนึ่งอยู่ในนาข้าว

          ด้วยความที่ในพื้นที่ดังกล่าวมีชาวบ้านถูกงูจงอางกัดตายอยู่บ่อยครั้ง ชาวบ้านที่พบงูจึงหวาดกลัวและสยดสยองมาก พวกเขาจึงพากันรุมทุบงูจงอางตัวดังกล่าวจนตาย

ภาพจาก Renato Daligdig

          ชาวบ้านสังเกตได้ว่างูจงอางตัวบวมผิดปกติ และมีหางงูออกมาจากปากของมัน พวกเขาคิดว่ามันคงกินงูสักตัวเข้าไป จึงได้นำงูดังกล่าวกลับมายังหมู่บ้าน และผ่าซากงูจงเปิดดู แล้วทุกคนก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน เพราะเหยื่อในท้องมันคืองูเหลือมขนาดไม่เล็กเลย

ภาพจาก Renato Daligdig

          งูจงอางได้ฆ่างูเหลือมจนตายแล้วเขมือบท่อนหัวกลืนเข้าไปทั้งตัว จนเหลือแต่หางห้อยออกมาจากปากเล็กน้อย ชาวบ้านได้ช่วยกันดูงูเหลือมออกมาจากตัวงูจงอาง แล้วนำซากงูทั้งสองมาวางข้างกัน พบว่างูทั้งสองมีความยาวพอ ๆ กัน ขนาดลำตัวก็ไม่ใหญ่กว่ากันมากนัก

ภาพจาก Renato Daligdig

          ด้วยความที่งูเหลือมไม่ได้ตัวใหญ่มาก งูจงอางจึงเอาชนะและกินมันเข้าไปได้โดยง่าย แต่ถ้าเป็นงูเหลือมที่ตัวใหญ่กว่านี้ ตัวมันเองอาจจะเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ แต่อย่างไรก็ตาม ราชางูตัวนี้ก็ไม่ทันได้อิ่มอร่อยกับมืออาหาร และต้องมาตายด้วยฝีมือมนุษย์

ภาพจาก Renato Daligdig

ภาพจาก Renato Daligdig

ภาพจาก Renato Daligdig