Monday, October 31, 2016

มัมมี่รมควันแห่งถ้ำคาบายัน มัมมี่ที่ทำกันตั้งแต่ยังมีชีวิต




         เปิดเรื่องราวมัมมี่รมควันแห่งถ้ำคาบายัน ประเทศฟิลิปปินส์ มัมมี่ที่เริ่มขั้นตอนกันตั้งแต่ผู้ตายยังมีชีวิตอยู่

         มนุษย์ในหลายอารยธรรมทั่วโลกรู้จักวิธีการทำมัมมี่มายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นชาวมายา ชาวอียิปต์โบราณหรือชาวจีน ชนเผ่าโบราณเมื่อนานมาแล้วในฟิลิปปินส์ก็รู้จักการทำมัมมี่เช่นกัน แต่หัวใจหลักของการทำมัมมี่ในที่แห่งนี้คือการใช้ไฟ และเริ่มขั้นตอนการทำโดยที่ผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่

  
   เว็บไซต์แอนเชี่ยน ออริจินส์ เปิดเผยเรื่องราวมัมมี่แห่งถ้ำคาบายัน ซึ่งถูกพบในถ้ำคาบายัน เมืองเบนเก็ต ประเทศฟิลิปปินส์ หรือที่รู้จักกันในนาม มัมมี่อิบาลอย มัมมี่เหล่านี้คือสมาชิกของชนเผ่าอิบาลอย นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่ามัมมี่เหล่านี้มีอายุมากกว่าหนึ่งพันปี แต่นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มก็คาดว่า ไม่น่าจะมีอายุมากเท่าไรนัก โดยคาดว่าน่าจะมีอายุอยู่ราว ๆ ช่วง ค.ศ. 1200-1500 (พ.ศ. 1743-2043) เท่านั้น

  
        ชนเผ่าอิบาลอยมีกรรมวิธีรักษาร่างหลังความตายด้วยการใช้ไฟรมจนกลายเป็นมัมมี่ มีความเชื่อกันว่าผู้ที่จะเป็นมัมมี่เช่นนี้หลังตายได้ คือหัวหน้าเผ่าเท่านั้น และผู้ที่จะถูกทำมัมมี่นั้นจะรู้ตัวตั้งแต่ขั้นตอนแรก โดยในช่วงที่พวกเขาใกล้จะเสียชีวิต พวกเขาเหล่านั้นจะดื่มน้ำที่ละลายเกลือเข้มข้น ซึ่งน้ำเกลือจะช่วยในการขับน้ำออกจากร่างกาย เมื่อเสียชีวิตแล้ว ศพจะถูกชำระล้างและถูกนำเข้าสู่กระบวนการรมควัน ไม่ถูกเปลวไฟโดยตรง แต่จะใช้ความร้อนในการทำให้ร่างค่อย ๆ แห้ง 

 
        
กระบวนการนี้จะกินระยะเวลายาวนานหลายสัปดาห์ และอาจนานถึงขั้นหลายเดือน และเมื่อเสร็จสิ้นการรมควันแล้ว ศพจะถูกทาด้วยสมุนไพร จากนั้นถูกนำไปบรรจุในถ้ำเพื่อให้คงสภาพเดิมต่อไป  ทั้งนี้กรรมวิธีการทำมัมมี่ที่สืบทอดมายาวนานนี้สูญสิ้นไปเป็นการถาวรตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 ซึ่งเป็นช่วงที่ฟิลิปปินส์ตกเป็นอาณานิคมของสเปน

 
         ในขณะนี้ถ้ำคาบายันกำลังอยู่ในช่วงขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เพื่อป้องกันสถานที่ที่มีค่าจากสภาวะเสี่ยงอันตราย เนื่องจากมีการขโมยมัมมี่ไปหลายครั้ง หนึ่งในมัมมี่ที่ถูกขโมยไปจากถ้ำเมื่อราวต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 คือ อาโป อันนู อาโปสวมเสื้อผ้าที่แสดงว่าเขาคือหัวหน้าเผ่า ร่างกายเขาปกคลุมด้วยรอยสักที่บ่งบอกเรื่องราวว่าเขาคือยอดนักล่าสัตว์และเป็นผู้เคารพดุจสมมติเทพ ชนเผ่าอิบาลอยที่ยังมีชีวิตอยู่เชื่อว่าการสูญหายของอาโปนำมาซึ่งความหายนะและภัยพิบัติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว  ความแห้งแล้งไปจนถึงโรคระบาด การค้นพบอาโปและนำกลับมาฝังยังที่ที่คู่ควรแก่เขา จึงนำมาซึ่งความสุข ความยินดีแก่ชนเผ่าอิบาลอยเป็นอย่างมาก

http://hilight.kapook.com/view/144329

Friday, October 28, 2016

อัศจรรย์ จดหมายขวดถูกส่งกลับคืนครอบครัวเจ้าของ หลังลอยทะเลนานถึง 51 ปี




         เผยเรื่องราวชวนอัศจรรย์ เมื่อจดหมายที่ถูกใส่ไว้ในขวดลอยกลางทะเลนานกว่า 51 ปี ถูกส่งกลับคืนถึงมือครอบครัวเจ้าของ หลังผู้พบใช้เวลาไขปริศนาอยู่นานถึง 4 ปี

          จากรายงานของเว็บไซต์มิเรอร์ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2559 ระบุว่า คลินท์ บัฟฟิงตัน  นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน จากรัฐยูทาห์ ได้เดินทางไปเที่ยวยังหมู่เกาะเติกส์และหมู่เกาะเคคอส ใกล้กับประเทศบาฮามาส ที่นั่นเขาได้บังเอิญพบกับขวดแก้วขวดหนึ่ง ซึ่งภายในบรรจุกระดาษที่มีปริศนาที่อยู่ พร้อมกับบอกว่าจะมีเงินรางวัลให้ผู้นำไปส่งคืนเจ้าของ

          โดยข้อความระบุว่า "นำจดหมายนี้ไปส่งคืนให้ที่ 419 โอเชียน บูเลอวาร์ด ( Ocean Boulevard) และจะได้รับเงินรางวัล 150 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5,200 บาท) จากตินา (Tina) ผู้เป็นเจ้าของบีชคอมเบอร์ (Beachcomber)"

          คลินท์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้เขาเคยเจอจดหมายในขวดลอยทะเลมาแล้ว และไม่เคยส่งกลับคืนให้ใครเลย แต่ครั้งนี้รู้สึกต่างจากทุกครั้ง คิดว่าจะต้องนำไปคืนเจ้าของให้ได้ เผื่อว่ามีเหตุใดสำคัญ

  
        คลินท์ใช้ระยะเวลาอยู่นานกว่า 4 ปี ในการสืบเสาะค้นหาบุคคลที่ชื่อตินาและไขปริศนาที่อยู่ตามที่ระบุไว้ในแผนที่ กระทั่งเขาได้ข้อมูลของโมเต็ลแห่งหนึ่งที่ชื่อ บีชคอมเบอร์ ในเมืองแฮมป์ตัน ของรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ซึ่งมีเจ้าของชื่อว่า พอลและตินา เขาจึงเดินทางไกลกว่า 3,200 กิโลเมตรเพื่อนำจดหมายไปคืนให้กับมือ แต่สุดท้ายก็พบว่าทั้งคู่เสียชีวิตไปแล้ว

          อย่างไรก็ดี พอลล่า เพียร์ซ ลูกสาวของทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่ เธอสันนิษฐานว่าจดหมายฉบับนี้คงจะเป็นของพ่อที่หยอกล้อแกล้งแม่เธอเล่น เมื่อนานกว่า 51 ปีมาแล้ว สมัยนั้นห้องที่โมเต็ลคืนละแค่ 15 หรือ 20 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 520-700 บาท) ดังนั้นเงินจำนวน 150 ดอลลาร์สหรัฐ จึงถือว่าเป็นเงินที่มาก และสุดท้ายพอลล่าก็มอบเงินจำนวนนั้นให้กับคลินท์ ตามคำสัญญาในจดหมาย

ภาพจาก blogdogabrieldiniz.wordpress.com
http://hilight.kapook.com/view/144190

Saturday, October 22, 2016

อุทาหรณ์ หนุ่มเล่นพิเรนทร์แต่งเป็นตัวตลก ถูกชาวบ้านไล่กวดจนเหยียบกับระเบิดตาย




        หนุ่มนักเรียนนอกกลับบ้านเกิด แต่งชุดเป็นตัวตลกแกล้งหลอกชาวบ้าน ชาวบ้านหวาดกลัวนึกว่าเป็นผีร้าย ไล่ล่าจนต้องหนีเข้าป่า เคราะห์ร้ายเหยียบกับระเบิด เสียชีวิต

        เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เว็บไซต์มิร์เรอร์ รายงานข่าวจากประเทศกัมพูชา เกิดเหตุชายแต่งกายเป็นตัวตลกเสียชีวิตอยู่ในป่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ชายคนดังกล่าวทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว จึงถูกไล่ล่าจนต้องวิ่งหนีเข้าป่า และพลาดเหยียบกับระเบิดจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต
เหตุเกิดขึ้นที่ อำเภอสำโรง จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ผู้เสียชีวิตเป็นชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 25 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าเป็นนักศึกษาจากสหรัฐอเมริกา ที่กลับมาเยี่ยมญาติที่บ้านเกิด เขาแต่งกายเป็นตัวตลก เที่ยวแกล้งหลอกหลอนชาวบ้าน จนชาวบ้านหวาดผวาและตกใจกลัว คิดว่าเขาเป็นผีร้ายมีวิญญาณอาฆาต ซึ่งเมื่อชาวบ้านทราบว่า ผีที่เห็นเป็นเพียงการเล่นตลกของชายหนุ่ม พวกเขาไม่ตลกด้วยและพยายามไล่ตามจับตัวหนุ่มคนนี้

       สารวัตรผู้ทำการสืบสวนคดีนี้ ได้กล่าวกับสำนักข่าวท้องถิ่นว่า ผู้ชายหลายคนออกมาตามหาตัวตลก พวกเขาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้าย เพียงแต่โกรธที่เขาเล่นพิเรนทร์ และอยากให้มาขอโทษที่ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว เมื่อไล่ตามกันไปจนถึงเขตป่า พวกผู้ชายกลุ่มนั้นก็หยุด และตะโกนร้องเตือนตัวตลกว่า อันตราย ห้ามเข้าไปในนั้น
"พวกชาวบ้านตะโกนเตือนแล้ว แต่ตัวตลกไม่หยุด เขาวิ่งตรงเข้าไปในป่า และไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น ก็ได้ยินเสียงระเบิดตูมขึ้น" สารวัตร กล่าว

       เสียงระเบิดที่เกิดขึ้นนั้นมาจากกับระเบิดที่ฝังอยู่ในป่า กับระเบิดคือปัญหาใหญ่ที่แก้ไขไม่จบสิ้นเสียทีของกัมพูชา หลังจากหลายทศวรรษที่ประเทศตกในอยู่ภาวะสงคราม กับระเบิดมากมายฝังอยู่ในประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ที่เป็นป่า ปัจจุบันมีกับระเบิดทั้งหมดที่ยังหลงเหลืออยู่ มากกว่า 40,000 จุด ซึ่งเป็นตัวเลขที่อันตรายมาก

       ทั้งนี้กระแสความหวาดกลัวตัวตลกได้แพร่ไปทั่วซีกโลกตะวันตกและกระจายไปทั่วโลก เนื่องจากเกิดปรากฏการณ์ คนแต่งกายเป็นตัวตลกสุดสยองออกมาหลอกหลอนผู้คน ซึ่งมีทั้งหลอกแบบสนุก ขำ ๆ ไปจนถึงทำร้ายคน เฉพาะในสหราชอาณาจักร ศูนย์ให้คำปรึกษาและคุ้มครองเด็กได้รับการร้องเรียนจากเด็ก ๆ ที่ถูกคุกคามจากตัวตลก มากกว่าสัปดาห์ละ 120 ครั้ง ตัวตลกเหล่านี้จะถือไม้เบสบอล ปืนปลอม ไปจนถึงมีด หลบซุ่มอยู่ตามพุ่มไม้และออกมาหลอก  นับได้ว่าปัญหาตัวตลกนี้ ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่น่ากังวลเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

http://hilight.kapook.com/view/143860
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

Wednesday, October 12, 2016

ขนลุกซู่ วงจรปิดจับภาพมัมมี่องค์ลามะอายุ 89 ปี ขยับที่เองกลางดึก




         ผู้นำศาสนาของรัสเซีย อ้างวงจรปิดจับภาพมัมมี่องค์ลามะอายุร่วม 89 ปี ฟื้นคืนชีพ ขยับที่เองได้ ชาวเน็ตกังขามองเป็นภาพคนสวมชุดทหาร ขณะที่ด้านผู้นำศาสนาเชื่อไม่ใช่เรื่องตลก

          เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2559 เว็บไซต์เมโทร รายงานว่า บรรดาผู้นำศาสนาในรัสเซีย อ้างวงจรปิดสามารถจับภาพมัมมี่สังขารของ ดาชี-ดอร์โช อีตีกีลอฟ (Dashi-Dorzho Itigilov) องค์ลามะรัสเซีย ที่ถูกจัดตั้งไว้ในเขตวัดอีวอลกินสก์ รัฐบูเรียเตีย ประเทศรัสเซีย ได้ขยับที่เคลื่อนไหวรอบบริเวณวัดถึง 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 9 และคืนวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา



          อย่างไรก็ดี หลังภาพจากคลิปต้นตอถูกแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ก็มีคนจำนวนมากออกมาตั้งข้อสังเกตว่า ภาพในคลิปจากกล้องวงจรปิดที่กล่าวอ้างนั้นดูเหมือนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สวมเครื่องแบบทหาร ซึ่งในมือทั้งสองข้างนั้นถือถุงพลาสติกไว้อยู่ ไม่ใช่มัมมี่องค์ลามะแต่อย่างใด

  
               แต่ทั้งนี้ องค์ลามะดามบา อายูเชเยฟ หัวหน้าองค์การพระสงฆ์ดั้งเดิมของรัสเซีย ได้ออกมาโต้กลับเสียงวิจารณ์ดังกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องตลกล้อเล่น" โดยจากภาพจะเห็นว่าในตอนแรกจะเห็นท่านปรากฏอยู่ที่พื้น ส่วนอีกวัน ก็ไปปรากฏอยู่ใกล้กับโซฟาซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก ซึ่งท่านได้เปิดเผยกับสำนักข่าว Siberian Times ยืนยันมั่นใจว่า ในเวลาและสถานที่เช่นนั้นไม่มีผู้คนอยู่ตรงบริเวณดังกล่าวอย่างแน่นอน

              สำหรับ องค์ดาชี-ดอร์โช อีตีกีลอฟ (Dashi-Dorzho Itigilov) ท่านนี้ ตามรายงานของเว็บไซต์ The Siberian Times ระบุว่า ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ 2395 ได้ละสังขารไปใน พ.ศ. 2470 มีอายุรวม 75 ปี จากนั้นสังขารของท่านก็ไม่เน่าเปื่อยและถูกสตาฟเก็บไว้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 89 ปีด้วยกัน

ภาพจาก infpol.ru
http://hilight.kapook.com/view/143316


Tuesday, October 11, 2016

สุดระห่ำ! หนุ่มสาวควงกันไปไต่ ไซต์งานที่สูงทีสุดในโลก (คลิป)




หนุ่มสาวควงกันไปไต่ ไซต์งานที่สูงทีสุดในโลก Goldin Finance ในประเทศจีน


โพสท์โดย: PostYoutubeJung
ขอบคุณที่มา: https://twitter.com/TIPSTEReuRo
http://board.postjung.com/993405.html