Thursday, July 23, 2020

ฮือฮา ซากวาฬยักษ์ขนาดมหึมา 29 เมตร เกยตื้นริมหาด พบเป็นวาฬชรา อายุ 80 ปี


สุดฮือฮา ซากวาฬสีน้ำเงิน ขนาดมหึมา ยาว 29 เมตร ซัดเกยตื้นริมทะเล ในอินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่เผย เป็นวาฬแก่ อายุ 70 - 80 ปี

 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 เว็บไซต์นิวสเตรทส์ไทม์ส รายงานข้อมูลอ้างอิงจากสำนักข่าวเอเอฟพี ระบุว่า ชาวบ้านอินโดนีเซียต่างแตกตื่นตกใจ หลังพบเห็น ซากวาฬขนาดมหึมา ถูกน้ำทะเลซัดขึ้นมาเกยตื้นริมฝั่ง โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุที้แน่ชัดว่ามันตายเพราะอะไร แต่คาดว่าน่าจะตายมาระยะหนึ่งแล้ว ไม่ได้เพิ่งมาขาดใจตายบนหาด

จุดที่พบซากวาฬดังกล่าว คือชายหาดนุนฮิลา ริมชายฝั่งทะเลนอกเมืองกูปัง เมืองใหญ่ที่สุดบนเกาะติมอร์ จังหวัดนูซาเติงการาตะวันตก ทางตอนกลางของอินโดนีเซีย

ภาพจาก DAVID WILSON / AFP

           ชาวบ้านในพื้นที่สังเกตเห็นมันโผล่มาอยู่ริมทะเลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม หลังจากนั้นข่าวก็แพร่กระจายกันไปปากต่อปาก ผู้คนพากันแห่มาดูเป็นจำนวนมาก

ลิเดีย เตซา เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอนุรักษ์ในพื้นที่ เปิดเผยว่า จากการสันนิษฐานเบื้องต้น พบว่าวาฬดังกล่าวคือ วาฬสีน้ำเงิน (blue whale) สัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสามารถเติบโตจนมีความยาวได้ถึง 32 เมตร

           ทางด้าน กระทรวงการสิ่งแวดล้อมและป่าไม้อินโดนีเซีย รายงานว่า หลังจากได้รับแจ้งว่าพบซากวาฬสีน้ำเงินเกยตื้น ทางหน่วยงานได้ประสานงานกับ อุทยานแห่งชาติและการท่องเที่ยวอ่าวกูปัง พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ส่งทีมเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบอย่างใกล้ชิด


เจ้าหน้าที่ได้กันประชาชนออกไปจากซากวาฬ และเคลียร์พื้นที่ เนื่องจากมีคนมารวมกันค่อนข้างแออัด เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และอาจขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งอาจเข้ามาทำให้ซากวาฬเสียหายได้

           ทีมเจ้าหน้าที่พบว่า ซากวาฬสีน้ำเงินตัวนี้เป็นเพศเมีย ความยาว 29 เมตร ลำตัวกว้าง 17 เมตร อายุประมาณ 70 - 80 ปี สภาพซากอยู่ในระยะเน่าเปื่อย ส่งกลิ่นเหม็นโชยตลบอบอวล แสดงให้เห็นว่าตายมานานระยะหนึ่งแล้ว


           เจ้าหน้าที่ลงความเห็นว่ามันตายด้วยสาเหตุธรรมชาติ นั่นก็คือ แก่ตายไปเอง ไม่ได้ถูกสัตว์อื่นฆ่า หรือถูกมนุษย์ล่าแต่อย่างใด โดยหลังจากตรวจสอบและเก็บข้อมูลเสร็จสิ้น ก็ได้ทำการฝังกลบซากวาฬตัวนี้เรียบร้อยแล้ว


ขอบคุณข้อมูลจาก New Straits TimesMinistry of Environment and Forestry

Friday, July 17, 2020

เปิดภาพ แมลงสาบทะเลยักษ์ สายพันธุ์ใหม่ สิ่งมีชีวิตที่ถูกพบ จากภารกิจสำรวจใต้ทะเลลึก


         นักวิจัยอวดภาพ แมลงสาบทะเลยักษ์ สายพันธุ์ใหม่ ค้นพบจากทะเลอินโดนีเซีย จากภารกิจสำรวจใต้ทะเลลึก พร้อมตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ Bathynomus raksasa

         วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 เว็บไซต์ mothership.sg รายงานว่า กลุ่มนักวิจัยได้เผยความสำเร็จในการค้นพบ แมลงสาบทะเลยักษ์ สายพันธุ์ใหม่ จากใต้ทะเลลึกของอินโดนีเซีย หลังเก็บตัวอย่างได้จากภารกิจสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพใต้ทะเลลึก นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของจังหวัดชวาตะวันตก โดยแมลงสาบทะเลยักษ์ที่เพิ่งถูกค้นพบนี้ นับเป็นสายพันธุ์ที่ 20 ในกลุ่ม Giant isopod

          สำหรับภารกิจสำรวจทะเลลึกดังกล่าว เกิดขึ้นในปี 2561 กลุ่มนักวิจัย 31 คนพร้อมทีมสนับสนุน ได้ออกเดินทางไปสำรวจพื้นที่ใต้ทะเลลึกที่ยังไม่มีใครรู้จัก ในภารกิจสำรวจนาน 14 วัน โดยมี ปีเตอร์ อึ้ง ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ หลี่ กง เจียน ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ เป็นผู้นำทีมคณะสำรวจ



          สำหรับนักวิจัยที่ร่วมทีมมาจากหลายหน่วยงาน ทั้งจากทางพิพิธภัณฑ์เอง รวมถึงทางสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลเขตร้อน NUS และศูนย์วิจัยสมุทรศาสตร์ ของสถาบันวิทยาศาสตร์อินโดนีเซีย

          ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยสามารถเก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิตได้กว่า 12,000 ตัวอย่าง จากจุดที่ทำการสำรวจ 63 จุด โดยพบว่ามีราว 800 ตัวอย่างเป็นสายพันธุ์ที่เคยถูกค้นพบแล้ว แต่มี 12 ชนิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบจากการสำรวจครั้งนี้

          กระทั่งเวลาผ่านไป 2 ปี ในเดือนกรกฎาคม 2563 ทีมนักวิจัยเพิ่งมีรายงานยืนยันถึงอีกหนึ่งสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งถูกค้นพบจากการสำรวจดังกล่าว คือ แมลงสาบทะเลยักษ์ หรือ ไอโซพอด โดยมันได้รับการตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "Bathynomus raksasa"



          สำหรับไอโซพอด เป็นสัตว์น้ำเปลือกแข็งชนิดเดียวกับกุ้ง กั้ง ปู โดยส่วนมากมักมีขนาดเล็ก แต่ก็มีบางสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ โดยไอโซพอดยักษ์หรือแมลงสาบทะเลยักษ์  มักพบได้ในทะเลลึกของมหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบในทะเลอินโดนีเซีย


ขอบคุณข้อมูลจาก mothership.sg
https://hilight.kapook.com/view/204352

Monday, July 13, 2020

ตะลึง ค้นพบโครงกระดูกโบราณ เหยื่อถูกฆาตกรรมลึกลับ อายุกว่า 2,000 ปี


           พบโครงกระดูกยุคเหล็ก สภาพถูกมัดมือไพล่หลัง คาดเป็นเหยื่อถูกฆาตกรรมลึกลับ กว่า 2,000 ปี พร้อมพบอนุสาวรีย์และโลงศพชนชั้นสูง
 
           วันที่ 11 กรกฎาคม 2563 บีบีซี รายงานว่า เผยเรื่องราวการค้นพบโครงกระดูกจากยุคเหล็ก อายุราว 2,000 ปี ในฟาร์มเวลล์วิค ใกล้เมืองเวนโดเวอร์ ประเทศอังกฤษ โดยกระดูกนั้นสภาพอยู่ในท่าโดนมัดมือไพล่หลัง คาดว่าชายคนนี้เป็นเหยื่อการฆาตกรรม ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดในต้นเหตุการสังหาร  

           ขณะเดียวกันในพื้นที่ไม่ห่างออกไป มีการค้นพบอนุสาวรีย์ที่ทำจากไม้ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 65 เมตร หลายท่อน ถูกจัดเรียงตามการขึ้นของดวงอาทิตย์ในวันเหมายัน ลักษณะคล้ายกันกับสโตนเฮนจ์ รวมทั้งยังพบหลุมศพจากยุคโรมัน เป็นโลงศพราคาแพงที่ทำจากตะกั่ว มองได้ว่าพื้นที่บริเวณนี้ถูกใช้สำหรับฝังศพของคนชั้นสูง จากเหตุผลดังกล่าวทำให้นักโบราณคดีค่อนข้างงุนงงกับการพบโครงกระดูกถูกมัดมือจมอยู่ใต้คูน้ำเช่นนี้ และหวังว่าผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกจะสามารถไขข้อสงสัยในเรื่องนี้ได้
 
           สำหรับการค้นพบดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการค้นพบจากยุคหินใหม่ไปจนถึงยุคกลาง ก่อนที่จะเริ่มก่อสร้างเส้นทางรถไฟจากกรุงลอนดอน ไปเบอร์มิงแฮม แมนเชสเตอร์ และลีดส์ หรือโครงการ HS2 ซึ่งเป็นโครงการการก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ใช้งบประมาณกว่า 1.06 แสนล้านปอนด์

ขอบคุณข้อมูลจาก บีบีซี

ภาพจาก gartoon /shutterstock.com

Thursday, July 9, 2020

สุนัขถูกล่ามโซ่ทิ้งตอนแก่ แนบโน้ตสุดใจร้าย บอกเหตุทำไมไม่เอา หลังเลี้ยงมา 10 ปี

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Swale Borough Council Stray Dog Service

           สุนัขลาบราดอร์แก่ ถูกเจ้าของเอามาล่ามโซ่ทิ้งไว้หน้าสถานสงเคราะห์ พร้อมแนบโน้ตสุดใจร้าย บอกเลี้ยงมา 10 ปี สอนให้ดีไม่ได้ เลยเอามาคืน

           เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 เว็บไซต์ BoredPanda เผยเรื่องราวสะเทือนใจคนรักสัตว์ โดยเฉพาะคนเลี้ยงสุนัขทั้งหลาย เมื่อสุนัขสายพันธุ์ลาบราดอร์ เพศผู้ สีดำ ซึ่งมีอายุมากราว 14-15 ปี ถูกนำมาล่ามโซ่ทิ้งไว้ที่หน้าประตูสถานสงเคราะห์สุนัข Jasmil Kennels ในเขตสเวล มณฑลเคนต์ ของอังกฤษ พร้อมกับแนบโน้ตสุดใจร้าย บอกถึงเหตุผลที่เจ้าของต้องนำมันมาทิ้ง

           ทางเจ้าหน้าที่ Swale Dog Service หน่วยบริการดูแลสุนัขจรจัดในพื้นที่ เป็นผู้ไปพบเจ้าสุนัขลาบราดอร์ตัวนี้ แม้มันจะอายุมาก แต่ยังมีสุขภาพแข็งแรงและร่าเริงดี จากความสงสัย ในตอนแรก กลายเป็นความเศร้าสะเทือนใจ เมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้อ่านข้อความในกระดาษโน้ตที่ติดมากับตัวมัน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Swale Borough Council Stray Dog Service

           ข้อความระบุว่า "ช่วยรับผมไปเลี้ยงหน่อย เจ้าของผมทิ้งผมหลังจากเลี้ยงมา 10 ปี เพราะว่าผมไม่เรียนรู้ที่จะทำตัวดี ๆ ผมเลยต้องกลับมายังที่ที่เขาเจอผม ขอบคุณที่ดูแลผม ขออภัยในความไม่สะดวก"

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Swale Borough Council Stray Dog Service

           ภายหลังจากทาง Swale Dog Service ได้โพสต์ภาพและเรื่องราวของสุนัขตัวดังกล่าวแชร์ลงในเพจเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ก็มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นสงสารมันมากมาย จนกระทั่งในที่สุด มีญาติที่รู้จักกับเจ้าของสุนัขตัวนี้ติดต่อมา พวกเขากล่าวว่ารู้จักมัน และรักมัน ไม่รู้ว่าเจ้าของของมันจะเอามาทิ้งเช่นนี้ และได้ขอรับมันไปเลี้ยงไว้เอง

ขอบคุณข้อมูลจาก BoredPanda

Monday, July 6, 2020

จนท. สวนสัตว์รุ่นเก๋า ดับสยอง เสือตะปบยับคากรง เพื่อนร่วมงานเร่งช่วย แต่สายไปแล้ว...

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

           เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ซูริก ถูก เสือโคร่งไซบีเรีย ทำร้ายจนตายคากรง เพื่อนร่วมงานมาช่วยล่อเสือ พร้อมเรียกกู้ภัย แต่สายเกินกาล ด้านต้นสังกัดเร่งสืบสวนเหตุแล้ว


           เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2563 เดอะการ์เดี้ยน รายงานว่า เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญขึ้นที่สวนสัตว์ซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเจ้าหน้าที่สวนสัตว์หญิง วัย 55 ปี (ไม่เปิดเผยนาม) เสียชีวิตสยอง หลังจากถูกเสือโคร่งไซบีเรีย (Siberian tiger) หรือ เสือโคร่งอามูร์ (Amur tiger) พุ่งเข้าทำร้ายขณะอยู่ในกรง โดยขณะนี้ทางสวนสัตว์กำลังสอบสวนสืบสวนเรื่องนี้แล้ว

            สวนสัตว์ซูริก ออกแถลงการณ์ระบุว่า ในเวลาประมาณ 13.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับประมาณ 18.20 น ตามเวลาประเทศไทย ได้มีสัญญาณเตือนภัยฉุกเฉินดังขึ้น ระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ถูกเสือจู่โจม เจ้าหน้าที่สวนสัตว์คนอื่น ๆ จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ และพบว่า อิรินา (Irina) เสือโคร่งไซบีเรียเพศเมีย กำลังตะปบทึ้งร่างของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว

            ทีมเจ้าหน้าที่สวนสัตว์สามารถหลอกล่ออิรินาให้ออกไปจากกรงได้ และเรียกหน่วยแพทย์ฉุกเฉินทันที ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็สายเกินกว่าที่จะช่วยเหลือเหยื่อได้ พวกเขาพบว่าเจ้าหน้าที่หญิงเสียชีวิตแล้วในที่เกิดเหตุ

            สวนสัตว์ซูริก เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าเป็นอย่างยิ่ง ขณะนี้ทางสวนสัตว์กำลังเร่งสืบสวนว่าเพราะเหตุใดเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวถึงเข้าไปอยู่ในกรงขณะที่มีเสือโคร่งอยู่ในนั้น

            ทั้งนี้ สวนสัตว์ซูริกได้ปิดทำการเป็นเวลานานหลายเดือน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และเพิ่งกลับมาเปิดให้เข้าชมได้อีกครั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ก็ต้องปิดสวนสัตว์อีกครั้งจนถึงวันที่ 5 กรกฎาคม เพื่อสืบสวนเหตุ

ขอบคุณข้อมูลจาก
Guardian

https://hilight.kapook.com/view/204008
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/743797694699799696/