Friday, September 30, 2016

ชายผู้ยิ่งใหญ่ ! ใช้เวลา 30 ปีเปลี่ยนเขาหัวโล้นเป็นป่า ปลูกต้นไม้กว่า 2 แสนต้น




           เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ กลายเป็นผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ ชายวัย 66 ปี ใช้เวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา ทยอยปลูกต้นไม้ จนพื้นที่เล็ก ๆ กลายเป็นป่าใหญ่ที่มีต้นไม้กว่าสองแสนต้น

           สำหรับใครหลาย ๆ คน การจัดสวน ปลูกต้นไม้ในพื้นที่เล็ก ๆ นับเป็นงานอดิเรกที่ช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย จิตใจสงบ การจ้องมองดูต้นไม้น้อย ๆ ค่อย ๆ เติบโตถือเป็นความสุขและคลายเครียดได้ดีทีเดียว บางคนอาจปลูกต้นไม้สักสองสามกระถาง บางคนอาจจะปลูกในพื้นที่หลายไร่ แต่ใครจะเชื่อว่าบนโลกใบนี้มีคนบางคนที่ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เขาปลูกต้นไม้จนกลายเป็นป่าผืนใหญ่เลยทีเดียว

  
          เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2559 เฟซบุ๊ก CCTV  สื่อยักษ์ใหญ่ของจีนรายงานข่าวบุคคลน่ายกย่อง เมื่อชายคนหนึ่งจากแดนมังกร นามว่า หลิวฉางกุ้ย ได้ใช้เวลาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา เนรมิตเขาหัวโล้นที่แห้งแล้งในมณฑลเสฉวน ให้กลายเป็นภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ ปกคลุมไปด้วยต้นไม้กว่า 200,000 ต้น

           อดีตนายทหารผ่านศึกวัย 66 ปี รายนี้ กล่าวว่า ผลงานการปลูกป่าบนภูเขาเทียนไถ่ เมืองหลูโจวนั้น เริ่มต้นมาจากเพียงแค่หน่อกล้าเล็ก ๆ ของต้นไม้ 3 ต้น ที่เขาปลูกเพื่อรำลึกถึงการจากไปของสหายร่วมรบ เมื่อเวลาผ่านพ้นไป และจากต้นไม้แค่ 3 ต้น ลุงหลิวก็ปลูกต้นไม้ต่อมาเรื่อย ๆ เพิ่มขึ้นทุกวัน พอรู้ตัวอีกทีต้นไม้ที่เขาปลูกก็ขยับขยายกลายเป็นป่าผืนใหญ่ และการปลูกต้นไม้ก็กลายเป็นสิ่งสำคัญที่เขาต้องทำไปแล้ว

  
           ลุงหลิวใช้เงินทั้งหมดที่สะสมมาทั้งชีวิตหมดไปกับการปลูกต้นไม้ แต่เขาก็ได้กล่าวว่า เมื่อมองย้อนกลับไปดูสิ่งที่ทำมาตลอด 3 ทศวรรษ ก็พบว่าผืนป่าแห่งนั้นคือความภาคภูมิใจที่สุดของชีวิตเขา และเงินทั้งหมดที่เสียไปมันมากกว่าคำว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้มา

 
           เรื่องราวของหลิวฉางกุ้ยเป็นที่พูดถึงในวงกว้างบนสื่อสังคมออนไลน์ของจีน ชาวเน็ตต่างสรรเสริญและยกย่องในสิ่งที่เขาทำ ชาวเน็ตรายหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นว่า หลิวฉางกุ้ยคือคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด ถ้ามีโอกาส จะไปเยี่ยมป่าของเขาให้ได้สักครั้ง เขาคือบุคคลที่ยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้อย่างแท้จริง

ภาพจาก news.have8.com  
http://hilight.kapook.com/view/142758

Wednesday, September 28, 2016

สตีฟ เหมียวเสน่ห์แรงทำลูกแกะติดแจยกแก๊ง ยกให้เลยตำแหน่งจ่าฝูงแกะ




เจ้าสตีฟ แมวเหมียวระดับจ่าฝูงผู้นำทีมลูกแกะ จนตอนนี้กลายเป็นที่เคารพรักของลูกแกะตัวน้อย ๆ ไปแล้ว เห็นหน้าดุแบบนี้ จริง ๆ แล้วผมใจดีนะฮับ 

          ดูเผิน ๆ เจ้าสตีฟ เหมียวสีส้มตัวนี้ก็เหมือนแมวเลี้ยงตามบ้านทั่ว ๆ ไป แต่จะรู้หรือไม่ว่ามันจะมีความน่าเกรงขามอย่างสุด ๆ ชนิดที่สามารถทำหน้าที่เป็นจ่าฝูง นำทีมลูกแกะทั้งฝูงได้เลยทีเดียว

          เว็บไซต์ The Dodo เผยว่า เจ้าสตีฟเป็นสัตว์เลี้ยงของอะแมนดา วิทล็อก กับคู่รักของเธอ ที่ประเทศนิวซีแลนด์ โดยจุดเริ่มต้นของการเป็นจ่าฝูงที่น่าเกรงขามนี้ มาจากการที่อะแมนดานำฝูงลูกแกะมาเลี้ยง เมื่อเธอต้องไปดูแลให้อาหารพวกมัน เธอก็จะพาเจ้าสตีฟไปกับเธอด้วย และเมื่อผ่านไปนาน ๆ เข้า ก็ดูเหมือนว่าเจ้าฝูงแกะมันจะสนใจเจ้าสตีฟอย่างมาก เจ้าสตีฟทำอะไรพวกมันก็ทำตาม จนในที่สุดเจ้าสตีฟก็กลายเป็นจ่าฝูงไปโดยปริยาย

          ส่วนทางฝูงลูกแกะก็ดูเหมือนว่ามันจะชอบเจ้าจ่าฝูงตัวนี้เอามาก ๆ ถึงแม้ว่าตัวของมันต่างขนาดต่างสีแต่ก็นำทีมได้ดีเชียว อะแมนดาเผยว่า ไม่ว่าเจ้าสตีฟมันจะไปเดินเล่นรอบ ๆ สนามหญ้า หรือจะเดินซอกแซกเข้าไปเล่นในพุ่มไม้ เจ้าฝูงลูกแกะตัวน้อยมันก็ตามเจ้าสตีฟผู้นำไปด้วยทุกที่ เชื่อฟังอย่างสุด ๆ เลยเชียว

http://pet.kapook.com/view157686.html

Monday, September 26, 2016

สาวแอบสยอง เจอชายอุ้มตุ๊กตาเด็กขึ้นเครื่องบิน ตั้งชื่อ-จองที่นั่งให้เสร็จสรรพ




          สาวแอบสยอง หลังเจอชายอุ้มตุ๊กตาเด็กขึ้นเครื่องบิน จองที่นั่ง-ตั้งชื่อให้ตุ๊กตาเสร็จสรรพ แถมเธอยังต้องนั่งใกล้ตุ๊กตาตัวนี้โดยบังเอิญถึง 2 ครั้ง

          นับเป็นการเดินทางสุดพิเศษที่สาวคนนี้คงจะไม่ลืมง่าย ๆ หลังจากที่เธอต้องพบกับความหลอนเบา ๆ เมื่อต้องนั่งอยู่ข้างตุ๊กตาเด็กน้อยที่ชายคนหนึ่งนำขึ้นเครื่องบินมาด้วย พร้อมจองที่นั่งให้เสร็จสรรพ แถมยังต้องขนลุกหนักขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าเธอต้องทนรับความสยองเช่นนี้อีกครั้ง เมื่อโชคชะตาบังเอิญส่งเธอมานั่งร่วมกับตุ๊กตาตัวนี้อีกครั้ง !

          โดยเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2559 เว็บไซต์เดอะซัน เผยรายงานที่ ซาร่า โนวิค ได้นำมาระบายผ่านทวิตเตอร์ของเธอเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากที่เธอจองเครื่องบินเพื่อเดินทางจากเมืองซินซินแนติ รัฐโอไฮโอ สหรัฐฯ ไปยังนครนิวยอร์ก โดยเธอบอกว่า ข่าวดีคือไม่มีใครนั่งที่เบาะกลางข้าง ๆ เธอ แต่ข่าวร้ายคือ ตุ๊กตาเด็กสุดสะพรึงที่ชายผู้นั่งข้างหน้าต่างนำมาด้วย นั่งอยู่ข้างเธอ



ซาร่ายังเปิดเผยเรื่องประหลาดอีกด้วยว่า ตุ๊กตาตัวนี้ไม่เพียงแต่จะมีชื่อเป็นของตัวเอง แต่เจ้าของมันยังจองเก้าอี้ให้มันโดยเฉพาะด้วย ทำเอาพนักงานต้อนรับบนเครื่องถึงกับวุ่นวายในการเดินหาสาวน้อยชื่อ บาร์บาร่า ก่อนจะพบว่าแท้ที่จริงแล้ว บาร์บาร่าที่ว่าก็คือตุ๊กตาตัวนี้

          อย่างไรก็ตามความสยองยังไม่หยุดเท่านั้น เพราะหลังจากที่เครื่องเดินทางมาถึงจุดหมายแรกเพื่อพักเครื่อง เธออุตส่าห์โล่งใจว่าคงไม่ต้องพบกับตุ๊กตาตัวนี้อีกแล้ว แต่ในอีก 2 ชั่วโมงให้หลังเมื่อถึงเวลาที่ต้องเดินทางต่อ เธอก็ยังคงต้องพบกับตุ๊กตาบาร์บาร่าในเครื่องบินอยู่ดี 

          เมื่อได้เจอเช่นนี้เธอถึงกับอดเล่นมุกกับตัวเองไม่ได้ว่า "ยังดีที่บาร์บาร่าเป็นเด็กดีมาก ล้อเล่นน่ะ...มันสยองมากเลย"

 

          อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาข้อความของเธอได้ถูกแชร์ออกไป โดยมีผู้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยหนึ่งในนั้นยังแอบถามซาร่าด้วยว่า ผู้ชายที่พาตุ๊กตามาเดินทางมาจากไทยหรือไม่ บางทีมันอาจเป็นตุ๊กตาลูกเทพของเขา ที่เชื่อว่านำโชคดีมาสู่เจ้าของ ในขณะที่ยังมีผู้คาดเดาไปหลากหลาย ว่าตุ๊กตาตัวนี้อาจทำให้เขานึกถึงลูกของตัวเองก็เป็นได้

http://hilight.kapook.com/view/142580

Saturday, September 24, 2016

ตะลึงตาค้าง นางแบบสาวเดินเปิดอกกลางเมือง หนุนสร้างความเสมอภาคทางเพศ




        ตะลึงตาค้าง นางแบบสาวเดินเปิดอกท้าสายตาชาวนิวยอร์ก ร่วมหนุนแคมเปญสร้างความเสมอภาคทางเพศ

          ทำเอาผู้คนในนิวยอร์ก ซิตี้ สหรัฐฯ ถึงกับตกตะลึงไปตาม ๆ กัน เมื่อได้เห็นนางแบบสาววัย 23 ออกมาเดินถกเสื้อเปลือยหน้าอกหน้าใจ ท้าทุกสายตา ขณะที่เดินตระเวนไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วเมือง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญ "Free the Nipple" สนับสนุนความเสมอภาคทางเพศ

  
            โดยจากรายงานของเดอะซัน เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2599 ระบุว่า นางแบบสาว เอมิลี่ บลูม ได้ร่วมสนับสนุนแคมเปญดังกล่าว โดยได้ช่างภาพ เพตเตอร์ เฮเกร มาเป็นผู้บันทึกภาพช่วงเวลาดังกล่าวพร้อมปฏิกิริยาจากคนเดินถนนที่ได้พบเห็น ซึ่งมีทั้งผู้ที่หัวเราะขบขัน ตะลึงมองตาค้าง หรือแม้แต่ร่วมปรบมือให้แก่ความกล้าของสาวคนนี้

            พร้อมกันนี้ตัวช่างภาพยังได้แสดงความเห็นว่า ในดินแดนแห่งเสรีภาพอย่างสหรัฐฯ การเปลือยหน้าอกกลับทำให้ผู้หญิงถูกจับได้ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราหวังไว้อย่างแน่นอน

          ทั้งนี้สำหรับแคมเปญ "Free the Nipple" เริ่มต้นขึ้นในปี 2557 เพื่อยกระดับความเสมอภาคทางเพศ สนับสนุนให้ผู้หญิงสามารถเดินเปลือยท่อนบนในที่สาธารณะได้ โดยไม่ถูกจับในข้อหาทำอนาจารในที่สาธารณะ โดยมีความเคลื่อนไหวในหลายเมืองใหญ่ด้วยกัน รวมทั้งนิวยอร์ก และลอนดอน ประเทศอังกฤษ


ภาพจาก waggishlove.com
http://hilight.kapook.com/view/142538

Friday, September 23, 2016

สาวสุดช้ำต้องยกเลิกงานแต่ง หลังโผล่คลิปจูบหนุ่มแปลกหน้าในปาร์ตี้สละโสด




      ว่าที่เจ้าสาวเมาหนัก จูบดูดดื่มหนุ่มแปลกหน้าในปาร์ตี้สละโสด สุดท้ายงานแต่งมีอันต้องยกเลิก หลังเจ้าบ่าวเห็นภาพ-คลิป 

        อย่าง ที่เราทราบกันดีว่าแอลกอฮอล์นั้นทำให้คนขาดสติ และอาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่ชวนให้คิดเสียใจทีหลังก็ได้ ดังที่ เอ็มมา อยาลา หญิงสาวจากเม็กซิโก เพิ่งประสบมากับตัวหลังจากงานแต่งที่เธอเฝ้าฝันมีอันต้องยกเลิกลง เหตุเพราะความเมาในคืนวันสละโสดของตัวเอง

        โดยรายงานจากเว็บไซต์มิเรอร์ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2559 เปิดเผยว่า เอ็มมา ได้นำเหล่าเพื่อนสาวไปเลี้ยงฉลองคืนวันสละโสดของเธอที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน เม็กซิโก พวกเธอดื่มและสนุกกันสุดเหวี่ยงในปาร์ตี้ริมสระน้ำ โดยไม่คาดเลยว่าหลังจากคืนวันนั้นโลกออนไลน์จะพากันแชร์คลิปที่มาพร้อมแฮ ชแท็ก #LadyCoralina เผยให้เห็นว่าที่เจ้าสาวซึ่งเมาได้ที่ กำลังจูจุ๊บอย่างดูดดื่มอยู่กับหนุ่มแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันในคืนนั้น

  
      ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคลิปดัง กล่าวที่เหมือนเป็นหลักฐานการนอกใจกลาย ๆ ของสาวเอ็มม่า ได้ถูกส่งไปถึงมือของว่าที่เจ้าบ่าวของเธอรวมถึงครอบครัวของเขาในที่สุด และจากนั้นไม่นานงานแต่งของเธอก็มีอันต้องยกเลิกลง

        ทั้งนี้แหล่งข่าวอ้างว่าสาวเอ็มม่าเป็นผู้ยกเลิกงานแต่งงานด้วยตัวเอง แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดใดมากกว่านั้น

http://hilight.kapook.com/view/142499