Wednesday, June 29, 2016

สิงโตในสวนสัตว์เยเมนทยอยอดตาย หลังมนุษย์ทิ้งไว้เพราะสงคราม




        สภาพสิงโตเจ้าป่าที่เคยสง่างามในสวนสัตว์ทาอิซ ประเทศเยเมน กลับกลายเป็นผอมซูบสุดโทรม ผลจากสงครามด้วยน้ำมือมนุษย์ เมื่อเกิดสงคราม ก็ไร้คนเที่ยว สวนสัตว์ไม่มีเงินจ่ายพนักงาน จำต้องปิดตัว ทิ้งสัตว์ในกรงอยู่ตามยถากรรม

 
          กี่ครั้งกันแล้วที่สัตว์ต้องตกเป็นเหยื่อจาการกระทำของมนุษย์ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม และหนึ่งในสิ่งที่นำมาซึ่งความโหดร้ายที่สุด ก็คือสัตว์ในสวนสัตว์ที่ถูกจับมากักขังไว้ ชีวิตทุกด้านของพวกมันขึ้นอยู่กับมนุษย์อย่างไม่มีทางเลือก และเมื่อมนุษย์ทอดทิ้งไป พวกมันจะอยู่ต่อไปอย่างไรกัน ความโหดร้ายที่ว่านี้ได้ปรากฏให้เห็นในภาพที่เว็บไซต์เดลี่เมล หยิบมาตีแผ่ให้ชมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2559 

 
          สภาพสิงโตในสวนสัตว์ทาอิซ ประเทศเยเมน ซูบผอมอิดโรย แววตาไม่มีชีวิตชีวา ไร้ความสง่างามแห่งเจ้าป่าอีกต่อไป เมื่อมันต้องเผชิญความอดอยาก อยู่ในกรงที่เริ่มทรุดโทรมเพราะไม่ได้รับการดูแล เป็นอย่างนี้มานับตั้งแต่เกิดสงครามในประประเทศขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา

  
        ในตอนนี้ มีกลุ่มอาสาสมัครจากองค์กร SOS Zoo and Bear Rescue Group เข้ามาดูแลช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ หนึ่งในนั้นก็มี บัสซาม อัล-ฮาคิมิ หนุ่มวัย 25 ปี อดีตนักศึกษาด้านวิศวกรรมอุตสาหกรรมและเจ้าของอินเทอร์เน็ตค่าเฟ่ที่ร้านโดย ทำลายสิ้นซากจากความรุนแรง ที่เดินทางเสี่ยงตายข้ามแนวปะทะที่อยู่ห่างจากสวนสัตว์ไปเพียง 3 ไมล์ เพื่อเข้ามาดูแลสัตว์ภายในสวนสัตว์ทุกวัน

 
          บัสซาม เผยว่า จริงอยู่ว่าสวนสัตว์เป็นพื้นที่ปลอดภัยไม่ตกเป็นเป้าโจมตี แต่ใจกลางการสู้รบที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่มาก ทำให้สวนสัตว์ทาอิซพลอยได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเกิดสงคราม ผู้คนก็ไม่มาเที่ยวอีกต่อไป สวนสัตว์ก็ขาดรายได้ ไม่มีเงินจ่ายพนักงาน คนงานก็เลิกทำงานกันไปหมด ทำให้สวนสัตว์ก็ต้องปิดตัวลง ทิ้งบรรดาสัตว์ทั้งหลายให้อยู่ไปตามยถากรรม นี่ยังไม่นับรวมกรงงูที่ถูกเศษซากจากการโดนระเบิดปลิวมาตกใส่จนได้รับความ เสียหายไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว

  
        ชายหนุ่มยังบอกว่า เขารู้สึกเศร้าใจที่ต้องเห็นสัตว์เหล่านี้ต้องมารับผลจากการกระทำของมนุษย์ มันตกเป็นเหยื่ออย่างไม่มีทางเลือก และไม่สามารถช่วยอะไรตัวเองได้เลย แต่สัตว์ทุกตัวก็ล้วนมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ทุกวันที่เขามาให้อาหาร จะเห็นม้าตัวหนึ่งวิ่งร่ามาหาเขาอย่างสดชื่นเสมอ แม้ว่าสภาพของมันจะอิดโรยเพียงใดก็ตาม นั่นแสดงให้เห็นชัดเจนเหลือเกินว่ามันก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ

 
          นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา SOS Zoo and Bear Rescue Group ได้เปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือผ่าน Generosity เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์ โดยเฉพาะเรื่องอาหารและความสะอาด ซึ่งต้องใช้เงินต่อวันอย่างต่ำราว 3,300 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 115,500 บาท) สำหรับดูแลสัตว์ที่ตอนนี้เหลืออยู่ 266 ตัว อันได้แก่ สิงโต 19 ตัว เสือดาว 26 ตัว ม้า ลิง กวาง นก และสัตว์เลื้อยคลานอื่น ๆ

  
         แม้จะโชคดีที่ตอนนี้เงินเมื่อเริ่มมีเงินช่วยเหลือเข้ามาแล้ว แต่ก็ช่างน่าเศร้าที่กว่าจะมีการเปิดรับบริจาค สวนสัตว์ได้เสียสิงโต 12 ตัว และเสือดาวอีก 6 ตัว ไปแล้วจากความอดอยาก

 
          แชนเทล จอนเคอโกว ผู้ก่อตั้งองค์กรดังกล่าวเผยว่า เธอภาวนาขอให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีโดยไวและสามารถหาทางออกให้กับ สัตว์เหล่านี้ได้ โดยแรกเริ่มนั้น ทางองค์กรตั้งใจจะขนย้ายสัตว์ทั้งหมดออกจากเยเมน และนำไปดูแลในที่ปลอดภัยอย่างศูนย์คุ้มครองสัตว์สักแห่ง แต่ความวุ่นวายในเยเมนทำให้เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือประคอยดูแลสัตว์ทุกตัวที่นี่ให้มีความเป็นอยู่ดี เท่าที่จะทำได้ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ทำได้เพียงซื้อเวลารอหน่วยงานท้องถิ่นของเยเมนจะเข้ามาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เท่านั้น...ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อไร เมื่อสงครามยังไม่สิ้นสุดลงเสียที่












http://hilight.kapook.com/view/138841

Monday, June 27, 2016

สลดใจ หิ่งห้อยตายนับแสน หลังถูกจับมาปล่อยโชว์ตัวในสวนสาธารณะ




         นักกีฏวิทยาสุดเคือง ทางการเมืองเฉิงตูจับหิ่งห้อยนับ แสนมาโชว์ตัวในสวนสาธารณะ สร้างความฮือฮาให้ประชาชนชาวจีนอย่างมาก ก่อนจะพบว่าพวกมันตายลงในอีกไม่กี่วันให้หลัง เนื่องจากสภาพอากาศในเมืองไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต

 
           วันที่ 27 มิถุนายน 2559 เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์  เปิดเผยว่า มีการนำหิ่งห้อยกว่า 100,000 ตัว มาปล่อยในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งของเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน เพื่อให้ประชาชนชาวเมืองได้สัมผัสกับแมลงส่องแสงตัวเป็น ๆ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 25 มิถุนายน

 
           ภาพหิ่งห้อยถูกปล่อยออกจากกล่องกระจกขนาดใหญ่ สวยงามและเป็นที่ถูกอกถูกใจเด็ก ๆ ชาวเฉิงตูอย่างมาก แต่อย่างไรก็ดี ในไม่กี่วันให้หลังพวกมันก็พากันตายลงจากสภาพแวดล้อมที่ผิดแปลกไปจากเดิม

           นายเจ้า ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แมลงแห่งจีนตะวันตก ได้เปิดเผยว่าตัวเขารู้สึกเศร้าสลดมาก ที่ทางการเมืองไม่ใส่ใจกับชีวิตของแมลงเท่าที่ควร โดยทั่วไปแล้วหิ่งห้อยจะตายภายใน 3 วันถึง 1 สัปดาห์ หากสภาพแวดล้อมในที่ที่มันอยู่นั้นไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าสวนสาธารณะในเมืองใหญ่นั้น ไม่ใช่ที่อยู่ของหิ่งห้อยตามธรรมชาติ
  
          และนอกจากนี้ เขายังพบว่าหิ่งห้อยที่ทางการนำมากว่าแสนตัวนั้น น่าจะถูกจับมาจากถิ่นที่อยู่เดิมคือในป่าอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากหิ่งห้อยที่ถูกเพาะเลี้ยงนั้นมีราคาค่าตัวค่อนข้างแพง แน่นอนว่าการจับหิ่งห้อยมาดื้อ ๆ เช่นนี้ ย่อมมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ

           อย่างไรก็ดี ขณะที่ชาวเมืองเฉิงตูกำลังคร่าชีวิตแมลงน้อย ๆ นับแสนตัวด้วยมือของตน ก็ยังมีอุทยานที่มุ่งเน้นการรักษาเผ่าพันธุ์หิ่งห้อยให้คงอยู่สืบไป โดยอุทยานแห่งนี้มีชื่อว่า East Lake Peony Garden ตั้งอยู่ในนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ นั่นเอง (อ่านข่าว : ตระการตา อุทยานหิ่งห้อยหมื่นตัวที่จีน สวยงดงามสะกดใจราวป่าในฝัน)

ภาพจาก NetEase
http://hilight.kapook.com/view/138740

Sunday, June 26, 2016

แทบหยุดหายใจ คลิปแรดพุ่งปะทะรถขณะคนแชะภาพ เจอแบบนี้ช็อกตายดีกว่า




                เผยนาทีแรดดำหายากวิ่งพุ่งเข้าหารถขณะที่ 2 เจ้าหน้าที่กำลังแอบแชะภาพ เกิดเป็นคลิปวิดีโอระทึกแทบหยุดหายใจ

                เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2559 เว็บไซต์ทูเดย์ เผย คลิปวิดีโอสุดระทึกจากอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ แอฟริกาใต้ เมื่อเจ้าหน้าที่ในอุทยาน 2 รายได้ไปแอบถ่ายภาพแรดดำ ซึ่งเป็นสัตว์หายาก แต่แล้วพวกเขาก็ต้องระทึกไม่น้อย เมื่อได้ยลโฉมแรดดำแบบใกล้ชิดเกินคาด เพราะมันเล่นวิ่งพุ่งเข้าใส่รถอย่างรวดเร็ว มีเผ่นเลยล่ะงานนี้

 
                แอนดรูว์ เทย์เลอร์ ผู้จัดการฟาร์มวัย 28 ปี และ แซม วอร์สเตอร์ ผู้ช่วยผู้จัดการส่วนที่พักอุทยาน วัย 27 ปี ได้ยินมาว่ามีนักท่องเที่ยวเห็นเสือชีตาห์ป้วนเปี้ยนอยู่ในเขตอุทยาน พวกเขาก็เลยใช้เวลาช่วงพักขับรถไปตระเวนหาเสือชีตาห์ให้ได้เห็นเป็นบุญตา แต่แล้วเมื่อตระเวนตามหาจริง ๆ กลับไม่พบเสือชีตาห์ แต่พบสัตว์ที่หายากกว่านั้น นั่นก็คือ แรดดำ

 
                เมื่อเห็นว่าเป็นโชคดีที่ได้พบแรดดำ ซึ่งเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์แล้ว พวกเขาก็ได้จอดรถจี๊ปเพื่อถ่ายรูปของแรดดำตัวนี้ไว้ แล้วนาทีระทึกที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเจ้าแรดดำตัวนี้เห็นรถจี๊ปของพวกเขาเข้า มันเลยวิ่งพุ่งตรงมา อย่างรวดเร็วและไม่ยั้ง ชนรถเข้าอย่างจัง คาดว่าเจ้าแรดดำตัวนี้คงจะคิดว่ารถจี๊ปเป็นศัตรูของมันแน่ ๆ
     
                ทันทีที่เจ้าแรดดำพุ่งเข้ามา แอนดรูว์ซึ่งกำลังถ่ายรูปอยู่ก็รีบโดดหนีไปยังที่นั่งข้างคนขับอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี เขาเล่าว่าหลังจากที่มันพุ่งเข้ามาที่รถแล้วก็หันหลังกลับไป ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่มันไม่ดุร้ายอาฆาตขนาดที่ชนรถไม่หยุด

ภาพจาก Kruger Sightings
http://hilight.kapook.com/view/138688

Friday, June 24, 2016

สาวพลาดตั้งท้อง 2 ครั้งใน 3 เดือน สุดช็อกพบสาเหตุถุงยางที่ใช้เป็นของเก๊ !




         สาวจีนพลาดท่าตั้งท้อง 2 ครั้งในรอบ 3 เดือน เอะใจไปตรวจดูถุงยางอนามัย พบเป็นของปลอม ไม่มีใบอนุญาตขาย

          ใครจะเชื่อว่ามุก "ถุงยางเก๊" ก๊อปตกเกรดจะเป็นจริงขึ้นมาได้ ทว่าตอนนี้มีวัยรุ่นสาวจีนเจอพิษถุงยางปลอมเข้าให้จัง ๆ โดยเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2559 เว็บไซต์ South China Morning Post เปิดเผยรายงานว่า สาวจีนไม่ระบุชื่อวัย 18 ปี จากเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน มีอันต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก เมื่อเธอดันตั้งครรภ์อย่างไม่ได้ตั้งใจถึง 2 ครั้ง ในรอบ 3 เดือน ทั้ง ๆ ที่แฟนหนุ่มของเธอใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยกัน

          ด้วยความ สงสัยเธอและแฟนหนุ่มจึงไปตรวจสอบดูถุงยางอนามัยที่ใช้ ซึ่งซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อในหมู่บ้าน ก็พบว่าเหมือนสินค้าปกติที่มีขายอยู่ทั่ว ๆ ไป แต่เมื่อลองแกะออกมาสังเกตดูใกล้ ๆ ปรากฏว่า ถุงยางอนามัยอยู่ในสภาพเก่ามาก หนำซ้ำยังมีรูด้วย จากนั้นจึงลองตรวจสอบชิ้นอื่น ๆ ก็พบว่า ในถุงยางอนามัย 12 ชิ้นในกล่อง มีอันที่มีรูรั่วถึง 10 ชิ้นด้วยกัน

  
        ในตอนแรกสาวรายนี้เธอคิดว่าเป็นฝีมือของแม่แฟนหนุ่มมาทำไว้เพราะอยากอุ้ม หลาน แต่ภายหลัง ทางแม่แฟนหนุ่มก็ได้ปฏิเสธไม่ทราบเรื่องดังกล่าว

          หลังจากทางเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบร้านค้าที่จำหน่ายถุงยางอนามัยดังกล่าว ก็พบว่าเป็นร้านชำที่ไม่มีใบอนุญาตขายถุงยางอนามัย ในตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่อนามัยท้องถิ่นได้เข้ามาดำเนินการสอบสวนแล้ว ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าถุงยางอนามัยที่มีปัญหาดังกล่าวเป็นของปลอมที่ลอกเลียน แบบมา

ภาพจาก weibo.com
http://hilight.kapook.com/view/138616