Thursday, June 16, 2016

นักวิทย์เผยฉากหายนะ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าภูเขาไฟ 1,500 ลูกปะทุพร้อมกัน ?



ภาพจาก factslegend.org

         ลองจินตนาการเล่น ๆ ว่าภูเขาไฟใต้ พิภพที่ยังระอุกว่า 1,500 ลูกทั่วโลก ดันปะทุขึ้นมาพร้อม ๆ กันในเวลาเดียว หายนะระดับไหนจะเกิดกับโลกของเรา และเราต้องเตรียมตัวรับมือกับมันอย่างไร ?

          หายนะหนึ่งที่คนทั่วโลกหวาดกลัวมากที่สุด คือภัยพิบัติจากภูเขาไฟที่ยังระอุอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ คิดเป็นจำนวนแล้วก็มีอยู่มากถึง 1,500 ลูกด้วยกัน ถือว่าเป็นจำนวนที่มากจนน่าตกใจเลยทีเดียว

ภาพจาก Alberto Garcia/Corbis

          และก็เป็นที่รู้กันดีว่าตอนนี้โลกของเรากำลังย่ำแย่ จากสภาพอากาศและอุณหภูมิโลกที่พุ่งสูงขึ้นทุกวัน ทำให้มนุษย์ตัวจ้อยอย่างเรา ๆ เริ่มหวั่นแล้วว่า หากวันหนึ่งภูเขาไฟจำนวน 1,500 ลูกเกิดระเบิดขึ้นมาพร้อม ๆ กัน แล้ววันนั้นชะตากรรมของมนุษยชาติจะเป็นอย่างไร ? เผ่าพันธุ์มนุษย์จะมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่ และเราต้องเตรียมตัวรับมืออย่างไร ? วันนี้กระปุกดอทคอม มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ

ภาพจาก amnh.org
 
          ดร.แมทธิว วัตสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาและภูเขาไฟ จากมหาวิทยาลัยบริสทอล ประเทศอังกฤษ เปิดเผยกับเว็บไซต์เดลี่เมล เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่อาจเป็นไปได้ หากเกิดเหตุการณ์ช็อกโลกอย่างภูเขาไฟจำนวน 1,500 ลูกปะทุพร้อมกันหมดในคราวเดียว โดยแบ่งออกเป็นหัวข้อหลัก 3 ส่วนด้วยกัน

ภาพจาก vulkane
  
         เริ่มแรกเราต้องรู้กันก่อนว่า การปะทุของภูเขาไฟนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท หนึ่งคือการพรั่งพรู (Effusive) ซึ่งจะพ่นเอาลาวาและแก๊สออกมา สองคือการระเบิด (Explosive) ที่จะส่งเถ้าถ่านและแก๊สออกมา ซึ่งการจำแนกทั้งสองประเภทออกจากกัน ก็ให้ดูที่ความหนืดของแมกม่าเป็นหลัก ถ้าแมกม่ายิ่งหนืดมากเท่าไร ก็จัดไว้ให้เป็นการปะทุประเภทระเบิดได้เลย

          มาต่อกันถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ว่า แล้วถ้าภูเขาไฟ 1,500 ลูกระเบิดพร้อม ๆ กันล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น ? ตรงนี้ ดร.วัตสันชี้แจงไว้ว่า สิ่งที่อาจตามมานั้นมีด้วยกัน 3 ประการ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหายนะทั้งสิ้น

          ประการแรก เมื่อภูเขาไฟระเบิด มันจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบแทบจะในทันที ไม่ใช่เฉพาะลาวาร้อนระอุเท่านั้น แต่เถ้าถ่านที่ล่องลอยออกมาก็ทำให้พวกเขาเดือดร้อนได้อย่างมาก กระแสเถ้าภูเขาไฟ (Pyroclastic flows) ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มควัน ฝุ่นกรวด และก๊าซ ที่มีอุณหภูมิสูงได้ถึง 1,000 องศาเซลเซียส และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่า 724 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถสร้างความเสียหายในระยะรัศมีราว 160 กิโลเมตรจากจุดศูนย์กลางการปะทุ

          อธิบายเท่านี้อาจไม่เห็นภาพ ต้องลองยกตัวอย่างว่า กระแสเถ้าภูเขาไฟจะคร่าชีวิตประชาชนจำนวน 3 ล้านคนในเกือบจะทันทีที่ภูเขาไฟวิสุเวียส ประเทศอิตาลี ปะทุออกมา และประชาชนอีกราว 130 ล้านคนบนเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย ก็จะตายในทันทีที่ภูเขาไฟจำนวน 45 ลูกปะทุพร้อมกัน

        ประการที่สอง หลังจากลาวา ร้อนระอุและกระแสเถ้าภูเขาไฟคร่าชีวิตคนและธรรมชาติโดยรอบแล้ว เถ้าถ่านที่ยังหลงเหลือจะล่องลอยปกคลุมทั่วท้องฟ้า โดยมันสามารถลอยไปได้ไกลหลายพันกิโลเมตร ภายในเถ้าถ่านนั้นประกอบไปด้วยฝุ่นแก้วคริสตัลและเศษหิน ซึ่งยังคงอุณหภูมิกว่า 1,000 องศาเซลเซียสเอาไว้ มันมีมวลหนาแน่นและมีน้ำหนักมาก จนถึงขนาดที่ว่าสามารถโค่นสิ่งปลูกสร้างลงได้โดยไม่ยากเย็น

          ถ้าเราหายใจเอาเถ้าเหล่านี้เข้าไปในปอดแล้วละก็ มันจะทำลายระบบทางเดินหายใจและก่อให้เกิดโรคปอดฝุ่นทราย หรือซิลิโคสิส (Silicosis) ฝุ่นที่มีขนาดเล็ก 0.5-5 ไมครอนจะเข้าไปตกอยู่ในถุงลมปอด ทำให้ปอดมีปฏิกิริยาต่อต้านสารเกิดเป็นพังผืดขึ้น จึงทำให้เนื้อเยื่อปอดส่วนนั้นไม่สามารถทำหน้าที่แลกเปลี่ยนอากาศได้ตามปกติ ตลอดไป นอกจากนี้ เถ้าถ่านยังส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์กลไกต่าง ๆ ของยานพาหนะ และยังรบกวนคลื่นวิทยุและคลื่นดาวเทียมด้วย

          ประการสุดท้าย เถ้าถ่านที่ลอยละล่องในบรรยากาศ จะทำให้อุณหภูมิโลกเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ อุณหภูมิจะลดลงฮวบฮาบทั่วโลก เนื่องมาจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่แปลงเป็นอนุภาคขนาดเล็กจิ๋วหรือละออง รวมตัวกับความชื้นในอากาศ กลายเป็นกระจกสะท้อนแสงอาทิตย์กลับสู่อวกาศ เมื่อความร้อนและแสงแดดเข้ามาไม่ถึงพื้นดิน โลกจะเข้าสู่ยุคน้ำแข็งในเวลาต่อมา แต่ทั้งนี้ โลกจะค่อย ๆ อุ่นขึ้นเอง เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยออกมาจากภูเขาไฟ แต่ก็ต้องใช้เวลานานเกิน 100 ปีขึ้นไปเลยทีเดียว

          แล้วเราจะเตรียมตัวรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรดีล่ะ ? เป็นคำถามที่น่าสนใจสำหรับคนตื่นตูมโดยแท้ ดร.วัตสันบอกว่า คุณแทบไม่ต้องเตรียมอะไรเลยนอกจากโชค ถ้าโชคดีก็รอด ถ้าซวยก็แค่ตาย ไม่ว่าจะตระเตรียมเสบียงหรืออุปกรณ์เอาตัวรอดไว้มากขนาดไหนก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ

            สำหรับสถานที่ที่จะช่วยทวีโชคเพื่อเพิ่มโอกาสรอดตายขึ้นมาอีกนิด ก็น่าจะเป็นบนเรือสำราญกลางมหาสมุทร ที่มีเสบียง ยารักษาโรค และน้ำสะอาดเอาไว้อย่างเพียงพอ และที่สำคัญคืออย่าทะลึ่งขับเรือให้แล่นอยู่ใกล้ ๆ กับภูเขาไฟ ขณะที่ขึ้นฝั่งไปหาเสบียงเพิ่มก็พอ

          แต่อย่างไรก็ดี หากเกิดเหตุการณ์ภูเขาไฟปะทุขึ้นมาจริง ๆ แสงแดดจะถูกเถ้าถ่านบดบังไปทั้งหมด ทำให้โลกของเรามืดสนิทจนคล้ายตาบอด และการขาดแสงแดดยังทำให้ร่างกายไม่ได้รับวิตามินดี ที่เป็นวิตามินสำคัญในการดูดซึมแคลเซียม นอกจากนี้ยังทำให้เซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสงบและอารมณ์ดี ไม่ถูกผลิตอย่างพอเพียง อันเป็นเหตุให้อาจเกิดโรคเครียดและโรคซึมเศร้าได้ด้วย

http://hilight.kapook.com/view/138245

No comments:

Post a Comment