Saturday, February 6, 2016

ชาวเน็ตติดแท็ก #RIPTwitter ต้านกระแส ลือเปลี่ยนรูปแบบเป็นไทม์ไลน์




        ชาวเน็ตติดแท็ก #RIPTwitter ต้านกระแสเปลี่ยนรูปแบบฟีตของทวิตเตอร์ เป็นไทม์ไลน์ แสดงผลไม่เรียงตามเวลา ลักษณะคล้ายเฟซบุ๊ก

          เรียก ว่าเป็นข่าวที่สร้างความช็อกสุด ๆ แก่กลุ่มผู้ใช้งานทวิตเตอร์ก็ว่าได้ เมื่อมีรายงานว่าทวิตเตอร์ สื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยม ที่มีเอกลักษณ์ตรงความรวดเร็วฉับไว และสามาถติดตามข่าวสารของผู้ที่เราสนใจได้แบบเรียลไทม์ กำลังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหน้าฟีดของผู้ใช้

          โดยตามรายงานของเว็บไซต์ theverge.com เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 ระบุว่า ทวิตเตอร์อาจนำระบบไทม์ไลน์แบบใหม่ ที่แสดงผลแบบไม่เรียงตามลำดับเวลา (Algorithmic Timeline) มาใช้ในอีกไม่นานนี้ โดยที่ BuzzFeed News ชี้ว่าความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นเร็วสุดในสัปดาห์หน้า แต่ไม่แน่นอนว่าจะเป็นการบังคับให้ผู้ใช้งานหันมาใช้ฟีตแบบอัลกอริทึ่มเลย หรือเป็นเพียงตัวเลือกเสริมให้เลือกได้

          ในขณะที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ต่างคุ้นเคยกับประสบการณ์รับข่าวสารจากเพื่อนที่เรา ติดตามแบบเรียลไทม์ หรือเรียงตามลำดับเวลามาโดยตลอด นับตั้งแต่ทวิตเตอร์เปิดตัว แต่หลังจากนี้ผู้ใช้งานจะต้องพบกับไทม์ไลน์ที่เรียงข้อความตามอัลกอริทึ่ม แสดงผลโดยคาดการณ์ว่าเป็นสิ่งที่่คนน่าจะอยากเห็นมากที่สุด

          อย่างไรก็ตามแม้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะไม่อยู่เหนือความคาดหมายของผู้ใช้ เพราะที่ผ่านมาทางผู้บริหารทวิตเตอร์ก็เคยออกมาแง้มแผนการเปลี่่ยนรูปแบบการ แสดงผล แถมยังเคยนำรูปแบบการแสดงผลดังกล่าวมาทดลองใช้กับสมาชิกทวิตเตอร์บางกลุ่ม แต่ชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยที่ทราบข่าวต่างก็ออกมาต่อต้านการเปลี่ยนแปลงดัง กล่าว โดยเฉพาะชาวเน็ตในประเทศไทย ที่ต่างพร้อมใจกันติดแฮชแท็ก #RIPTwitter

          โดยสาเหตุหลัก ที่ผู้ใช้ส่วนมากไม่ค่อยชอบใจการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นนี้ เพราะส่วนมากมองว่าข้อดีของทวิตเตอร์คือการรับข่าวสารได้อย่างรวดเร็วแบบ เรียลไทม์ รวมถึงยังสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของเพื่อนที่สนใจที่อย่างครบถ้วน เรียงตามลำดับข้อความที่ถูกโพสต์จริง ๆ ขณะที่ทวิตเตอร์แบบใหม่นอกจากจะไม่เรียงตามลำดับเวลาแล้ว ยังจะขึ้นตามความชอบของผู้ใช้ ใกล้เคียงกับการแสดงผลของเฟซบุ๊ก สื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมอีกเจ้าหนึ่ง

 

 



ภาพจาก tanuha2001 / Shutterstock.com
http://hilight.kapook.com/view/132554

No comments:

Post a Comment